D7
D13

The Pianist (2002) สงคราม ความหวัง บัลลังก์ เกียรติยศ

ดูไม่ได้ให้กดที่นี่

ตัวอย่าง The Pianist (2002) สงคราม ความหวัง บัลลังก์ เกียรติยศ

ดูหนังออนไลน์ The Pianist (2002) สงคราม ความหวัง บัลลังก์ เกียรติยศ
ปีที่ฉาย :

เสียง : พากย์ไทย

ดูหนังออนไลน์ฟรี The Pianist (2002) สงคราม ความหวัง บัลลังก์ เกียรติยศ on IMDb8.5/10 เวลาฉาย : 150 HD

The Pianist (2002) สงคราม ความหวัง บัลลังก์ เกียรติยศ

The Pianist (2002) สงคราม ความหวัง บัลลังก์ เกียรติยศ นักเปียโน วลาดิสลอว์ ซพิลแมน (เอเดรียน โบรดี้) มีงานเล่นเพลงที่สถานีวิทยุ ในกรุงวอร์ซอว์ตามปกติ แม้ว่าจะเป็นช่วงที่พวกทหารนาซี จะบุกเข้ามาโปแลนด์หลายสัปดาห์แล้ว เขาต้องเดินข้ามศพคน และซากม้าตายจำนวนมาก กว่าจะไปถึงสถานีวิทยุ จนกระทั่งบ่ายวันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังเล่นเพลงของโชแปงอยู่นั้น ห่าระเบิดของฝ่ายศัตรู ก็ถล่มลงมาในเมืองเสียหายยับเยิน หลายวันต่อมา วอร์ซอว์ตกเป็นของนาซี แม้ว่าจะรู้ดี ถึงสิ่งที่จะเกิดตามมาภายหลังจากนี้ แต่เขาก็ยังเชื่อว่า ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย เมื่ออังกฤษกับฝรั่งเศสประกาศสงครามกับเยอรมัน ทหารนาซีสั่งให้ชาวยิวจำนวน 360,000 คน ในกรุงวอร์ซอว์

ต้องสวมปลอกแขนระบุเชื้อชาติ และย้ายออกจากบ้าน ไปอยู่อย่างแออัดในเขตพื้นที่อันจำกัด ซพิลแมนก็ยังคงเชื่อว่า เขาสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ ตราบเท่าที่ปฏิบัติตามกฏ และมองโลกในแง่ดีต่อไป เขาได้ใบประกาศนียบัตร รับรองการทำงานเป็นนักเปียโน ในร้านอาหารเฉพาะชาวยิว และพยายามสร้างความมั่นใจให้กับทุกคนด้วยคำพูดว่า “ไม่ต้องห่วง อีกไม่นานทุกอย่างก็กลับคืนสู่ภาวะปกติ”

ต่อมาในเดือนสิงหาคมปี 1942 ครอบครัวของเขา ถูกส่งตัวขึ้นรถไฟไปยังค่ายกักกัน แต่เขาได้รับความช่วยเหลือช่วงนาทีสุดท้าย ให้อยู่ในกรุงวอร์ซอว์ต่อไป จากเพื่อนคนหนึ่งประจำกรมตำรวจ หลังจากนั้น ซพิลแมนก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ในเมืองที่กำลังจะพังพินาศ ด้วยน้ำมือสงคราม ไม่มีอะไรจะกิน และป่วยเป็นโรคสารพัด เป็นเวลานานที่เขาต้องอาศัยอย่างแร้งแค้น อยู่ในบ้านร้างหลังหนึ่ง ก่อนต่อมาจะถูกค้นพบ โดยนายทหารเยอรมัน ร้อยเอก วิล (โธมัส เครทชมานน์)ผู้ยื่นข้อเสนอว่าจะนำอาหารมาให้ หากเขายอมเล่นเปียโนให้ฟังเป็นการตอบแทน

The Pianist (2002) สงคราม ความหวัง บัลลังก์ เกียรติยศ

” The Pianist ” เริ่มขึ้นในกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ในกันยายน พุทธศักราช 2482

ในตอนสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มปะทุ โดยเสนอแนะ Wladyslaw (Wladek) Szpilman เป็นครั้งแรก ซึ่งปฏิบัติงานเป็นนักเปียโนให้กับวิทยุแคว้น กองทัพประเทศโปแลนด์พ่ายในสามอาทิตย์โดยกองทัพเยอรมัน และก็สถานีวิทยุของ Szpilman ถูกระเบิดระหว่างที่เขาเล่นสดทางอากาศ ขณะย้ายถิ่นออกมาจากตึกเขาเจอเพื่อนพ้องคนหนึ่งที่ชี้แนะเขาให้รู้จักกับโดโรตาน้องสาวของเขา สปิลมานพอใจคุณโดยทันที

Wladyslaw กลับไปอยู่บ้านเพื่อเจอกับบิดามารดา พี่ชาย แล้วก็น้องสาวอีกสองคน กำลังจัดแจงของที่จะออกมาจากประเทศโปแลนด์ ครอบครัวสนทนาถึงความน่าจะเป็นไปได้ที่จะหนีออกมาจากประเทศโปแลนด์ได้เสร็จ และก็พวกเขาก็ตกลงใจอยู่ต่อ คืนนั้นพวกเขาฟัง BBC รวมทั้งได้ยินว่าอังกฤษและก็ประเทศฝรั่งเศสได้ทำสงครามกับเยอรมนี ครอบครัวฉลองโดยมั่นใจว่าการสู้รบจะสิ้นสุดลงอย่างเร็วเมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรสามารถครอบครองเยอรมนีได้

ภาวะของชาวยิวในกรุงวอร์ซอเสียลงอย่างเร็ว วลาเดกเจอกับโดโรตาซึ่งร่วมเดินทางไปกับเขาทั่ววอร์ซอเพื่อศึกษาเกี่ยวกับความไม่ชอบธรรมที่ชาวยิวจำเป็นต้องพบเจอภายใต้ระบอบท้องนาซีใหม่ ธุรกิจที่เคยเป็นมิตรกับพวกเขาเวลานี้จะไม่ยินยอมให้มีการอุปการะ บิดาของ Wladek ถูกห้ามอย่างหนักไม่ให้เดินบนฟุตบาทในเมืองโดยข้าราชการชาวเยอรมันสองคน เมื่อเขาเริ่มคัดค้าน ข้าราชการคนหนึ่งก็ตบหน้าเขา เร็วนี้ๆ ครอบครัวนี้ก็จะต้องย้ายไปอยู่ในสลัมของชาวยิวที่จัดตั้งขึ้นโดยการปกครองของท้องนาซี การฆ่าล้างเชื้อสายกำลังเริ่มขึ้น และก็ครอบครัวแม้ว่าจะมีฐานะมั่งคั่งก่อนการทำศึก แม้กระนั้นก็ถูกลดระดับลงเหลือแค่ระดับเลี้ยงชีพ หากว่าพวกเขาจะยังดีมากยิ่งกว่าสหายชาวยิวผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยในสลัมที่ยัดเยียด ยากจน และก็เต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ

Wladyslaw ดำเนินการเล่นเปียโนที่ห้องอาหารในสลัม โดยไม่ยอมรับข้อเสนอแนะจากเพื่อนฝูงในครอบครัวให้มาปฏิบัติงานให้กับตำรวจชาวยิว แล้วก็ครอบครัวยังมีชีวิตอยู่ แต่ว่าภาวะการดำรงชีวิตในสลัมยังคงห่วยลงเรื่อยแล้วก็ชาวยิวเยอะแยะเสียชีวิตทุกวี่วันตั้งแต่ โรคภัยไข้เจ็บ ความอนาถา และก็ความประพฤติปฏิบัติร้ายแรงโดยทหารเยอรมัน คืนวันหนึ่งครอบครัวมองเห็น SS เดินเข้าไปในบ้านฝั่งตรงข้ามและก็จับตัวครอบครัวหนึ่ง ชายคนโตไม่อาจจะยืนได้เมื่อได้รับคำบัญชา ด้วยเหตุว่าเขาถูกจำกัดอยู่บนรถเข็น รวมทั้งข้าราชการ SS ก็โยนเขาผ่านระเบียงจนถึงเสียชีวิต สมาชิกครอบครัวผู้อื่นถูกยิงเสียชีวิตบนถนนหนทางรวมทั้งถูกรถบรรทุก SS วิ่งทับถ้าเกิดพวกเขามีชีวิตรอด

ข้างในปี 1942 บิดาคนชราจำต้องสมัครขอเอกสารการทำงานผ่านเพื่อนพ้องของ Wladek เพื่อที่เขาจะได้ปฏิบัติงานในช่างเสื้อชาวเยอรมัน อย่างไรก็ดี วันนั้นมาถึงเมื่อครอบครัวได้รับเลือกให้ถูกส่งตัวไปเสียชีวิตที่ค่ายกักขังเทรบลิงกา Henryk แล้วก็ Halina ได้รับการเลือกเฟ้นรวมทั้งพาตัวออกไป ส่วนคนอื่นในครอบครัวจะถูกส่งไปยัง Umschlagplatz เพื่อคอยการขนส่ง พวกเขากลับมารวมตัวกันอีกรอบในตอนหลัง เวลาที่ครอบครัวนั่งอยู่ใต้แสงตะวันแรงพร้อมทั้งชาวยิวอีกหลายร้อยคนคอยรถไฟ บิดาก็ใช้เงิน 20 ซลอตีในที่สุดของครอบครัวเพื่อซื้อของหวานชิ้นหนึ่งจากเด็กผู้ชายคนหนึ่ง (ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่ตระหนักถึงเคราะห์กรรมที่ใกล้จะมาถึงของเขาเอง) สมาชิกครอบครัวแต่ละคนรับประทานของหวานชิ้นเล็กๆซึ่งเป็นมื้อในที่สุดร่วมกัน

ในขณะที่พวกเขากำลังเดินทางไปรถไฟ ทันทีนั้น Wladyslaw ก็ถูกดึงออกมาจากแถวโดย Itzak Heller ชาวยิวสถานที่ทำงานเป็นตำรวจ Wladyslaw เฝ้าครอบครัวที่เหลือของเขาขึ้นรถไฟ โดยไม่มีผู้ใดพบเจออีกเลย เขาหลบซ่อนอยู่ในค๊อฟฟี่ช็อปที่เขาเล่นเปียโนร่วมกับนายจ้างเก่าตรงนั้นตรงเวลาสองสามวัน ถัดมาเขาได้ผสมกับชาวยิวราวสิบเปอร์เซ็นต์ที่พวกทุ่งนาซียังมีชีวิตอยู่ในสลัมเพื่อใช้เป็นแรงงานข้ารับใช้ พังทลายกำแพงก้อนอิฐที่แยกสลัมแล้วก็สร้างอพาร์ตเมนต์ขึ้นใหม่สำหรับผู้อาศัยใหม่ที่ไม่ใช่ชาวยิว เขาถูกส่งไปปฏิบัติงานภายใต้ภาวะที่ทรหดแล้วก็ถูกทรมานบาป โดยสร้างตึกที่ถูกทิ้งระเบิดขึ้นมาใหม่ เขามีความคิดว่าเขามองเห็นเพื่อนเก่า Janina Godlewska (นักร้อง)

แต่ว่าคุณก็จากไปอย่างเร็ว เขาทราบว่าชาวยิวบางบุคคลกำลังคิดแผนก่อการความปั่นป่วน แล้วก็ช่วยพวกเขาด้วยการลักขโมยลอบขนปืนเข้าไปในสลัม ขณะถือก้อนอิฐ เขาทิ้งก้อนอิฐลง แล้วก็ถูกข้าราชการ SS เฆี่ยนตีอย่างขาดความกรุณาปรานี และก็ได้รับงานใหม่โดยหาสิ่งของต่างๆที่ใช้ในการก่อสร้างให้คนงาน นอกจากนั้นเขายังช่วยลักลอบขนปืนในกระสอบมันฝรั่ง อาวุธพวกนี้จะมอบให้กับกรุ๊ปต้านที่อยู่อีกด้านหนึ่งของกำแพงเพื่อการยืนขึ้นฮือ จนกระทั่งจุดหนึ่ง เขาแทบจะโดนจับโดยข้าราชการชาวเยอรมัน ซึ่งสงสัยว่า Wladek กำลังหลบซ่อนบางอย่างเอาไว้ในกระสอบถั่ว ภายหลังจากการคุยกันอย่างใกล้ชิดนี้ เขาตกลงใจว่าเขาจึงควรหลบซ่อนรวมทั้งใช้จังหวะในเมืองใหญ่ ด้วยความช่วยเหลือเกื้อกูลจากสหาย Majorek (ซึ่งเป็นเพื่อนที่ทำให้บิดาของเขาปฏิบัติงานเอกสารเมื่อสองสามปีกลาย) เขาก็เลยหลบซ่อนและก็เจอ Janina และก็ผัวของคุณ

พวกเขาพา Wladyslaw ไปพบ Gebczynski ผู้ดูแลของเขา (ชายผู้ต้านชาวประเทศโปแลนด์) ซึ่งแอบซ่อนเขาไว้หนึ่งคืน พรุ่งนี้ Gebczynski พาเขาไปที่อพาร์ตเมนต์ว่างใกล้กำแพงสลัมซึ่งเขาสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างไม่มีระบุด้วยของกินที่ลักลอบนำเข้า แม้กระนั้นเขาจำเป็นต้องเงียบ เนื่องจากว่ามีผู้ที่ไม่ใช่ชาวยิวคนไม่ใช่น้อยอาศัยอยู่ในตึกรวมทั้งมั่นใจว่าอพาร์ตเมนต์ว่างเปล่า ตรงนั้น Wladek เฝ้าส่วนหนึ่งส่วนใดของการจลาจลสลัมชาวยิวในม.ย.-เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช 2486 The Pianist ซึ่งเขาช่วยลักลอบขนอาวุธ รวมทั้งเฝ้านับเป็นเวลาหลายสัปดาห์ถัดมาเมื่อสุดท้ายการจลาจลก็ถูกบดขยี้และก็ผู้เข้าร่วมก็ถูกฆ่า

The Pianist (2002) สงคราม ความหวัง บัลลังก์ เกียรติยศ

  • ถัดมา Gebczynski อยากย้าย Wladek เนื่องจากว่าพวกที่นาซีได้เจออาวุธของกรุ๊ปต้านทานประเทศโปแลนด์

ทำให้ Gebczynski จำต้องหลบซ่อนไปด้วย Gebczynski กล่าวว่าเหลือเวลาเพียงแค่เรื่องของเวลาก่อนที่จะพวกทุ่งนาซีจะเจออพาร์ตเมนต์ที่ Wladek หลบซ่อนอยู่ Wladek ตกลงใจที่จะอยู่เฉยๆแล้วก็รู้สึกไม่เป็นอันตรายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆว่าเขาอยู่ตรงไหน เพื่อนฝูงของเขาให้ที่อยู่แก่เขาเพื่อไปในกรณีเร่งด่วน แล้วก็จากไป เตือน Wladek อย่างเอาจริงเอาจังว่าอย่าให้พวกทุ่งนาซีจับได้ว่ายังมีชีวิตอยู่ Wladyslaw ยังคงอยู่ในอพาร์ตเมนต์อีกสองสามเดือนตราบจนกระทั่งเขาจะเกิดอุบัติเหตุทำให้จานเสียหาย เสียงดังจนกระทั่งครอบคลุม แล้วก็เขาจำเป็นต้องรีบวิ่งออกมาจากตึก โดยถูกสตรีชาวเยอรมันผู้โกรธเคืองไล่ล่าซึ่งสงสัยว่าเขาเป็นชาวยิว

Wladek ไปที่ที่อยู่เร่งด่วนที่เขาได้รับ ซึ่งเขาได้เจอกับโดโรตาอย่างน่าแปลกใจ ซึ่งเดี๋ยวนี้สมรสแล้ว กำลังท้อง และก็น้องชายของคุณเสียชีวิตแล้ว โดโรตาแล้วก็ผัวของคุณแอบซ่อน Wladek ไว้ภายในอพาร์ตเมนต์ว่างอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเปียโนที่ความเงียบของเขาขวางไม่ให้เขาเล่น แม้กระนั้น Szalas ผู้ดูแลคนใหม่ของเขาอืดอาดยืดยาดมากมายเกี่ยวกับการขโมยลอบขนของกิน และก็ Wladyslaw จำเป็นต้องพบเจอกับความแร้นแค้นอีกที แล้วก็เมื่อถึงจุดหนึ่ง ปางตายด้วยโรคดีซ่าน โดโรตาแล้วก็ผัวของคุณไปเยี่ยมเขา The Pianist รวมทั้งพบว่าเขาเจ็บป่วย พวกเขาแถลงการณ์ว่า Szalas เก็บเงินจากผู้ให้ที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และไม่รู้สึกตัว และก็ได้คิดเงินทั้งปวงไว้ภายในกระเป๋า ทำให้ Wladek ถูกตายอปิ้งสันโดษ

วลาเดคฟื้นทันการเพื่อมองการจลาจลวอร์ซอครั้งใหญ่ในปี 1944 ซึ่งชาวประเทศโปแลนด์พากเพียรยึดอำนาจเมืองของตนเองคืน เร็วนี้ๆชาวเยอรมันก็เริ่มจู่โจมตึกแล้วก็เขาจะต้องแอบหนี ชาวประเทศโปแลนด์มุ่งมาดว่ากองทัพแดงรัสเซียที่รุกเข้ามาจะช่วยพวกเขา แต่ว่ารัสเซียไม่มา กลับปลดปล่อยให้เยอรมันปราบกบฏ รวมทั้งขับไสประชาชนวอร์ซอที่เหลือทั้งสิ้นออกมาจากเมือง Wladyslaw หลบซ่อนอยู่ในโรงหมอร้างซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนหนทางจากที่หลบซ่อนแห่งที่สองของเขา ชาวเยอรมันก็เลยตกลงใจเผาวอร์ซอให้เป็นเถ้า ด้วยเหตุนั้น Wladyslaw ก็เลยหนีออกมาจากโรงหมอรวมทั้งกระโจนกลับผ่านกำแพงเข้าไปในสลัม ซึ่งตอนนี้แปลงเป็นพื้นที่รกร้างที่เต็มไปด้วยก้อนอิฐแล้วก็เศษหิน

เขาอยู่ตรงนั้น ค้นหาในตึกที่ถูกไฟเผาเพื่อหาอะไรรับประทาน รวมทั้งหลบซ่อนถัดไป จนตราบเท่าคืนวันหนึ่ง ข้าราชการท้องนาซี กัปตันวิลม์ โฮเซนเฟลด์ เจอเขา เพื่อพิสูจน์ให้โฮเซนเฟลด์มีความเห็นว่าเขาเป็นนักเปียโน เขาเล่นเพลง “Ballade in G Minor” ของโชแปงในความหมายสั้นๆและก็ซึมเศร้า ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาเล่นนับจากดำเนินการในสลัมชาวยิวเมื่อหลายปีที่ผ่านมา

โฮเซนเฟลด์ได้รับแรงผลักดันจากการเล่นของซปิลมาน ช่วยทำให้เขารอดตาย โดยปลดปล่อยให้เขาหลบซ่อนอยู่ข้างในห้องใต้หลังคาถัดไปถึงแม้ว่าบ้านจะตั้งเป็นสำนักงานใหญ่ของกัปตันแล้วหลังจากนั้นก็ตาม สุดท้ายโฮเซนเฟลด์ก็ทอดทิ้งบ้านพร้อมข้าราชการของเขาเมื่อกองทัพรัสเซียใกล้กรุงวอร์ซอเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โฮเซนเฟลด์มอบของกินชิ้นในที่สุดให้กับ Wladek แล้วก็เสื้อคลุมของเขา เขาถามชื่อสกุลของเขากับ Wladek ซึ่งฟังดูเหมือนกับว่า “spielmann” ซึ่งเป็นคำภาษาเยอรมันที่แสดงว่านักเปียโนทุกสิ่ง โฮเซนเฟลด์ข้อตกลงว่าจะฟังวลาเด็คทางวิทยุ

โฮเซนเฟลด์ยังบอกเขาเพราะว่าเขาจะต้องมีชีวิตอยู่ถัดไปอีกสองสามวันแค่นั้น กองทัพรัสเซียจะปล่อยกรุงวอร์ซอเร็วนี้ๆ ต่อไปไม่นาน Wladyslaw แลเห็นพวกพ้องชาวประเทศโปแลนด์ แล้วก็ด้วยความยินดีก็เลยออกไปด้านนอกเพื่อเจอกับเพื่อนร่วมชาติของเขา เมื่อมองเห็นเสื้อคลุมของเขาที่ Hosenfeld มอบให้ พวกเขามีความรู้สึกว่าเขาเป็นชาวเยอรมันรวมทั้งพากเพียรจะฆ่าเขา ก่อนที่จะเขาจะหว่านล้อมพวกเขาได้ว่าเขาเป็นคนประเทศโปแลนด์

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ชาวประเทศโปแลนด์ที่เพิ่งจะถูกปล่อยตัวปล่อยใจเดินผ่านค่ายเชลยสงครามชาวรัสเซียที่มิได้เตรียมพร้อมไว้ และก็โฮเซนเฟลด์ก็อยู่ในกลุ่มผู้ต้องขังด้วย ชาวประเทศโปแลนด์ปาดูถูกเหยียดหยามชาวเยอรมันผ่านรั้ว แต่ว่าเมื่อ Hosenfeld ได้ยินว่าชาวประเทศโปแลนด์คนหนึ่งเป็นนักเล่นดนตรี เขาก็ไปที่รั้วรวมทั้งบอกเขาว่าเขาช่วย Wladyslaw รวมทั้งขอให้เขาขอให้ Wladyslaw คืนความโปรดก่อนจะ ทหารรัสเซียโยนเขากลับลงไปที่พื้น นักเล่นดนตรีชาวประเทศโปแลนด์รายนี้นำ Wladyslaw กลับมายังสถานที่ดังที่ได้กล่าวมาแล้วเพื่อยื่นคำร้องต่อชาวรัสเซีย แต่ว่าพวกเขาก็จากไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อไปถึงที่โน่น Wladyslaw ไม่อาจจะช่วย Hosenfeld ได้ แม้กระนั้นเขากลับมาเล่นเปียโนให้กับสถานีวิทยุอีกที

การ์ดไตเติ้ลจบท้ายบอกพวกเราว่า Hosenfeld เสียชีวิตในป่าช้าของรัสเซียในปี 1952 Wladyslaw มีชีวิตอยู่จนกระทั่งชรา รวมทั้งเสียชีวิตในประเทศโปแลนด์ในปี 2000 ขณะอายุ 88 ปี การ์ดดังที่กล่าวถึงมาแล้วตัดกับฟุตเทจของ Wladek ที่แสดงเพลง Grand Polonaise Brilliante ของ Chopin อย่างมีชัยในการแสดงดนตรี โดยมีวงออเคสตราเต็มวงติดตามไปด้วย

  • ในตอนสงครามโลกครั้งที่สอง Wladyslaw นักเล่นดนตรี

มีชื่อชาวประเทศโปแลนด์จำเป็นต้องพบเจอกับความเหนื่อยยากเยอะแยะเมื่อเขาไม่มีการติดต่อกับครอบครัว เมื่อเหตุการณ์ห่วยลง เขาก็หลบซ่อนอยู่ในซากของกรุงวอร์ซอเพื่อความมีชีวิตรอด สำหรับการปรับเปลี่ยนชีวประวัติเรื่อง ” The Pianist : The Extraordinary True Story of One Man’s Survival in Warsaw, 1939-1945″ Wladyslaw Szpilman นักเปียโนสถานีวิทยุชาวยิวประเทศโปแลนด์ เห็นวอร์ซอเปลี่ยนอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไปเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มขึ้น Szpilman ถูกบังคับให้เข้าไปใน Warsaw Ghetto แต่ว่าถัดมาถูกแยกออกมาจากครอบครัวระหว่างดำเนินการ Reinhard ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจวบจนกระทั่งผู้ต้องขังในค่ายกักขังจะได้รับการปล่อยตัว Szpilman ก็หลบซ่อนอยู่ในสถานที่ต่างๆท่ามกลางซากของกรุงวอร์ซอ

ผู้ผลิตภาพยนตร์ โรมัน โปลันสกี้ ซึ่งเติบโตในประเทศโปแลนด์ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเคยสอดส่องตอนที่พวกทุ่งนาซีทำลายประเทศของเขาในตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ควบคุมภาพยนตร์ดราม่าแนวถดถอยหัวข้อนี้ที่ผลิตมาจากเรื่องราวของนักเล่นดนตรีผู้มีสิทธิพิเศษคนหนึ่งซึ่งใช้เวลาห้าปีต่อสู้กับการยึดครอบครองวอร์ซอของทุ่งนาซี Wladyslaw Szpilman (เอเดรียน โบรดี้) เป็นนักเปียโนคลาสสิกผู้มีพรสวรรค์ เกิดขึ้นมาในครอบครัวชาวยิวที่มั่งคั่งในประเทศโปแลนด์ ครอบครัว Szpilmans มีแฟลตขนาดใหญ่แล้วก็สบายในวอร์ซอ ซึ่ง Wladyslaw อาศัยอยู่ร่วมกับบิดาแล้วก็แม่ของเขา (Maureen Lipman แล้วก็ Frank Finlay), Halina รวมทั้ง Regina น้องสาวของเขา (Jessica Kate Meyer รวมทั้ง Julia Rayner) แล้วก็ Henryk น้องชายของเขา (Ed Stoppard)

ในตอนที่ Wladyslaw รวมทั้งครอบครัวของเขาใส่ใจดีถึงการมีอยู่ของกองกองทัพเยอรมันและก็กลยุทธ์ของฮิตเลอร์ในประเทศโปแลนด์ พวกเขาก็มั่นใจว่าพวกท้องนาซีเป็นอันตรายที่จะผ่านไป และก็อังกฤษแล้วก็ประเทศฝรั่งเศสจะก้าวไปด้านหน้าเพื่อช่วยเหลือประเทศโปแลนด์ในเรื่องที่มี วิกฤตที่จริงจริง ความไม่รู้เดียงสาของวลาดีสลอว์จำเป็นต้องพังทลายลงเมื่อระเบิดของเยอรมันจู่โจมสตูดิโอวิทยุในขณะที่เขาแสดงคนเดียวเพื่อถ่ายทอด ในระยะแรกของการยึดครอบครองของที่นาซี ในฐานะนักแสดงที่น่าเคารพ เขายังคงจินตนาการว่าตนเองอยู่เหนืออันตราย

โดยใช้ความบากบั่นของเขาเพื่อขอเอกสารการจ้างแรงงานให้บิดาของเขา และก็ได้งานที่ปลอดภัยโดยการเล่นเปียโนในห้องอาหาร แม้กระนั้นในขณะเยอรมันครอบครองประเทศโปแลนด์ได้แน่นแฟ้น วลาดีสลาฟและก็ครอบครัวของเขาได้รับเลือกให้ขับไล่ไปยังค่ายกักขังของที่นาซี วลาดีสลอว์ไม่ยอมรับที่จะเจอหน้ากับความตาย ก็เลยเข้าไปหลบซ่อนในอพาร์ตเมนต์ที่สบายที่เพื่อนฝูงจัดแจงไว้ให้ แต่ เมื่อผู้มีบุญคุณณของเขาล่องหนไป Wladyslaw ก็ถูกทิ้งให้ดูแลตนเอง และก็เขาใช้เวลานับเป็นเวลาหลายปีถัดจากนี้เพื่อรีบเดินทางจากบ้านร้างข้างหลังหนึ่งไปยังอีกข้างหลังหนึ่ง ด้วยความท้อแท้ที่จะหลบหลีกการเช็ดกกองทหารครอบครองของเยอรมันจับกุมตัว

Wladyslaw Szpilman (Brody) นักเปียโนสถานีวิทยุชาวยิวชาวประเทศโปแลนด์ The Pianist เห็นวอร์ซอเปลี่ยนอย่างค่อยๆเป็น ค่อยๆไปเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มขึ้น Szpilman ถูกบังคับให้เข้าไปใน Warsaw Ghetto แต่ว่าถัดมาถูกแยกออกมาจากครอบครัวระหว่างปฏิบัติงาน Reinhard ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจวบจนกระทั่งผู้ต้องขังในค่ายกักขังจะได้รับการปล่อยตัว Szpilman ก็หลบซ่อนอยู่ในสถานที่ต่างๆท่ามกลางซากของกรุงวอร์ซอ

The Pianist (2002) สงคราม ความหวัง บัลลังก์ เกียรติยศ

Wladek recovers in time to see the larger 1944

Warsaw Uprising, in which the Poles tried to retake control of their city. Soon the Germans start attacking the building and he has to flee. The Poles had expected the advancing Soviet Red Army to help them, but the Russians did not come, instead allowing the Germans to put down the revolt, and drive the entire remaining population of Warsaw out of the city. Wladyslaw hides in the abandoned hospital that had been across the street from his second hideout. The Pianist The Germans had by then decided to burn Warsaw to ashes, so Wladyslaw flees the hospital and jumps back over the wall into the ghetto, now an abandoned, desolate wasteland of bricks and rubble.

He stays there, rummaging through burned-out buildings to find something to eat, and continues to hide, until one night a Nazi officer, Captain Wilm Hosenfeld, finds him. To prove to Hosenfeld that he is a pianist, he plays a somber and brief rendition of Chopin’s “Ballade in G Minor”, the first time he has played since he worked in the Jewish ghetto years before.

Hosenfeld, moved by Szpilman’s playing, helps him survive, allowing him to continue hiding in the attic even after the house is established as the Captain’s headquarters. Hosenfeld eventually abandons the house with his staff when the Russian army draws closer to Warsaw. The Pianist Hosenfeld gives Wladek a final parcel of food and his overcoat. He asks Wladek his surname, which sounds exactly like “spielmann”, the German word for pianist.

Hosenfeld promises to listen for Wladek on the radio. Hosenfeld also tells him that he only needs to survive for a few more days; the Russian army will liberate Warsaw soon. Shortly afterward, Wladyslaw sees Polish partisans, and, overcome with joy, goes outside to meet his countrymen. Seeing his coat given to him by Hosenfeld, they think he is a German and try to kill him, before he can convince them he is Polish.

In the Spring, newly freed Poles walk past an improvised Russian prisoner of war camp, and Hosenfeld is among the prisoners. The Poles hurl insults at the Germans through the fence, but when Hosenfeld hears that one of the Poles is a musician, he goes to the fence and tells him that he helped Wladyslaw, and asks him to ask Wladyslaw to return the favor, before a Russian soldier throws him back down on the ground. The Polish musician does indeed bring Wladyslaw back to the site to petition the Russians, but they have departed without a trace by the time he gets there. Wladyslaw is unable to help Hosenfeld, but he returns to playing piano for the radio station.

Closing title cards tell us that Hosenfeld died in a Soviet gulag in 1952. Wladyslaw lived to be an old man, dying in Poland in 2000 at the age of 88. The cards are intercut with footage of Wladek triumphantly playing Chopin’s Grand Polonaise Brilliante in concert with a full orchestra accompanying him.

“The Pianist” begins in Warsaw, Poland in September, 1939, at the outbreak of the Second World War, first introducing Wladyslaw (Wladek) Szpilman, who works as a pianist for the local radio. The Pianist The Polish Army has been defeated in three weeks by the German Army and Szpilman’s radio station is bombed while he plays live on the air. While evacuating the building he finds a friend of his who introduces him to his sister, Dorota. Szpilman is immediately attracted to her.

Wladyslaw returns home to find his parents and his brother and two sisters, packing to leave Poland. The family discusses the possibility of fleeing Poland successfully and they decide to stay. That night, they listen to the BBC and hear that Britain and France have declared war on Germany. The family celebrates, believing the war will end quickly once the Allies are able to engage Germany.

Conditions for Jews in Warsaw quickly deteriorate. Wladek meets with Dorota, who accompanies him around Warsaw to learn of the injustice Jewish people have to face under the new Nazi regime. Businesses that were once friendly to them now won’t allow their patronage. The Pianist Wladek’s father is harshly forbidden to walk on the sidewalk in the city by two German officers; when he begins to protest, one of the officers hits him in the face. The family soon has to move to the Jewish ghetto established by Nazi rule. The Holocaust is starting, and the family, though well-to-do before the war, is reduced to subsistence level, although they are still better off than many of their fellow Jews in the overcrowded, starving, disease-ridden ghetto.

ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ ดูหนังออนไลน์ หนังสงคราม HD ฟรี เรื่อง The Pianist (2002) สงคราม ความหวัง บัลลังก์ เกียรติยศ หนังประเภท War สงคราม ดูหนังเต็มเรื่อง หนังมาสเตอร์ ดูหนังฟรี หนังออนไลน์ ดูหนังออนไลน์ หนังชนโรง หนังใหม่ หนัง2024 หนังอัพเดทใหม่ทุกวัน DooMovie ดูหนังฟรีระดับโรงภาพยนตร์ หนังพากย์ไทย ดูได้ทั้งในมือถือและสมาร์ททีวี



Tags : The Pianist The Pianist สงคราม ความหวัง บัลลังก์ เกียรติยศ สงคราม ความหวัง บัลลังก์ เกียรติยศ

หนังที่เกี่ยวข้อง


  • D8
  • D14
  • ดูหนังออนไลน์ ดูหนังใหม่ชนโรงฟรี HD

    ดูหนังเต็มเรื่อง หนังมาสเตอร์ ดูหนังฟรี หนังออนไลน์ ดูหนังออนไลน์ หนังชนโรง หนังใหม่ หนัง2023 ซีรี่ย์ดูฟรี หนังการ์ตูนอนิเมะ หนังมาสเตอร์ ดูหนังไม่กระตุก ดูหนังระดับ HD 4K Full HD หนังตลก หนังชีวิต หนังผจญภัย หนังบู๊ หนังจิตนาการ หนังลึกลับ หนังกีฬา หนังมากมาย หนังอัพเดทใหม่ทุกวัน DooMovie ดูหนังฟรีระดับโรงภาพยนตร์ ดูได้ทั้งในมือถือและสมาร์ททีวี

    อ่านต่อ

    เว็บไซต์ดูหนังฟรี หนังออนไลน์ มีหนังหลายประเภท หนังnetflix โรแมนติก วิทยาศาสตร์ กีฬา ตลก ระทึกขวัญ สงคราม อาชญากรรม ผจญภัย บู๊ การ์ตูน สารคดี ครอบครัว ประวัติศาสตร์ สยองขวัญ ลึกลับ หนังคาวบอยตะวันตก หนังเอเชีย หนังฝรั่ง หนังมากกว่าหมื่นเรื่อง ดูฟรีHD FullHD 4K