ดูหนังออนไลน์ แนววันสิ้นโลก หลายคนคงเคยได้ยินคำทำนายถึงเหตุการณ์วันสิ้นโลกที่มีตั้งแต่สมัยโบราณมาหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะมีบันทึกไว้ในแต่ละศาสนาที่นำไปผนวกกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่าง สุริยุปราคา จันทรุปราคา หรือภัยพิบัติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว สึนามิ เป็นต้น แม้ว่าโลกของเราจะผ่านช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นเพราะตรงกับคำทำนายวันโลกแตกมาแล้วหลายครั้ง แต่โลกก็ยังคงอยู่ต่อมาได้เรื่อย ๆ

ทั้งนี้ หากพูดถึงจุดจบหรือหายนะที่จะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ หลายคนคงนึกไม่ออกว่าจะมาในรูปแบบไหน วงการหนังและซีรีส์ต่างประเทศจึงมักจะหยิบเอาประเด็นวันสิ้นโลก วันโลกแตก และหายนะทำลายล้างโลก ไม่ว่าจะเป็นหนังภัยพิบัติ หนังสึนามิ หนังภูเขาไฟระเบิด หนังไวรัสระบาด หนังซอมบี้ หนังแวมไพร์ หนังเอเลี่ยน และอื่น ๆ ที่จะทำให้โลกถึงกาลอวสาน ซึ่งถือว่าเป็นหนังอีกประเภทที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกวิตกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น และตื่นเต้นไปกับตัวละครที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด

ดูหนังออนไลน์ แนววันสิ้นโลก ภัยพิบัติทำลายล้าง ที่มนุษย์ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด

1. 2012 (2009)

สุดยอดหนังภัยพิบัติจากธรรมชาติที่สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก สร้างจากความเชื่อตามปฏิทินชาวมายันที่ว่ากันว่าโลกจะแตกในวันที่ 21 ธันวาคม 2012 ซึ่งในหนังใช้เหตุการณ์โลกร้อนมาชูประเด็นความร้อนทำให้เปลือกโลกปริออก และเกิดสึนามิขนาดยักษ์ที่จะกวาดล้างทุกชีวิตจนสูญพันธ์ุ บอกเล่าเรื่องราวผ่านหลายตัวละคร หนึ่งในนั้นคือ แจ็คสัน เคอร์ติส ที่กำลังพาลูก ๆ ไปตั้งแคมป์ในป่า และได้เจอนักจัดรายการวิทยุคนหนึ่งที่บอกกับเขาว่าโลกกำลังจะแตก แน่นอนว่าแจ็คสันไม่มีทางเชื่อและคิดว่าไร้สาระ แต่ใครจะคิดว่าสิ่งที่ชายคนนั้นพูดจะเป็นเรื่องจริง จัดเป็นหนังที่มีสเปเชียลเอฟเฟกต์สมจริงและอลังการมาก ๆ ใครที่ได้ดูรับรองว่าต้องลุ้นระทึกไปกับทุกฉากในเรื่องอย่างแน่นอน

2. Aftershock 1976 (2010)

หนังภัยพิบัติแนวเศร้าเคล้าน้ำตา ที่สร้างจากเหตุการณ์จริงของภัยพิบัติแผ่นดินไหวระดับ 7.8 ริกเตอร์ ในปี 1976 ณ เมืองถางซาน มณฑลเหอเป่ย และยังคงเป็นอภิมหาแผ่นดินไหวที่สร้างความเสียหาย และมีผู้เสียชีวิต มากกว่า 240,000 คน โดยในหนังถ่ายทอดเรื่องราวของครอบครัวเล็ก ๆ ครอบครัวหนึ่ง ประกอบด้วย พ่อ, แม่, ลูกชาย และลูกสาว ที่ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข แต่แล้วทุกอย่างก็สลายไปในพริบตา เมื่อเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงจนทำให้ตึกถล่ม โดยที่ลูก ๆ ของเธอยังติดอยู่ข้างใน และผู้เป็นแม่สามารถเลือกช่วยชีวิตลูกได้แค่คนเดียวเท่านั้น เพราะลูกทั้งคู่ต่างถูกกำแพงทับ ถ้ายกด้านใดด้านหนึ่งอีกคนจะต้องตาย ถ้าไม่ยกปล่อยเอาไว้ก็จะต้องตายทั้งคู่ หนังจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีจังหวะการเล่าเรื่องดี แม้จะไม่มีฉากหนีตายสุดระทึก แต่ก็ไม่น่าเบื่อ ในทางกลับกันยิ่งทำให้คนดูมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครมากยิ่งขึ้นด้วย

3. The Impossible (2012)

โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่คนไทยไม่มีวันลืมเลือน เมื่อปี 2004 สึนามิได้พัดถล่มชายทะเลฝั่งอันดามันทางภาคใต้ ทำให้ผู้คนล้มตายจำนวนมาก ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างจารึกภัยครั้งนี้ในหน้าประวัติศาสตร์ เรื่องราวสะเทือนใจที่ไม่ค่อยมีใครกล้านำมาถ่ายทอดแบบตรง ๆ แต่ในที่สุดก็มีหนังภัยพิบัติสะเทือนขวัญที่บอกเล่าเรื่องราวผ่านครอบครัวหนึ่งที่มาเที่ยวพักผ่อนในภูเก็ต แต่กลับเจอคลื่นยักษ์สึนามิซัดเข้าชายฝั่งโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้ทุกคนในครอบครัวต้องแยกจากกัน หนังดำเนินเรื่องเร็ว เน้นเล่าเรื่องราวของตัวเอกที่พยายามตามหาครอบครัวที่พลัดพราก ซึ่งแต่ละฉากผู้ชมจะได้เห็นถึงความสูญเสีย ความหวัง และความหดหู่ ที่ดูแล้วก็แอบน้ำตาซึมและลุ้นเอาใจช่วยให้ตัวเอกตามหาครอบครัวให้เจอ

4. Awake (2021)

หนังภัยพิบัติระทึกขวัญ เป็นเรื่องราวของโลกที่ต้องพบกับภัยพิบัติลึกลับ เมื่อมีสะเก็ดดาวตกลงมาทั่วโลก ทำให้ระบบไฟฟ้าขัดข้อง เป็นเหตุให้ไฟฟ้าดับทั่วเมืองและระบบสื่อสารใช้การไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีผลกระทบที่ทำให้ผู้คนนอนไม่หลับและคลุ้มคลั่งจนเกิดการจลาจลอีกด้วย หากไม่ได้รับการรักษาก็จะถึงแก่ความตาย ซึ่งคนที่นอนหลับเท่านั้นคือคนที่จะช่วยทุกชีวิตได้ โดยในเรื่องสาวน้อยที่สามารถนอนหลับได้นั้นเป็นเพียงลูกสาวคนเล็กของอดีตนาวิกโยธินสาว ด้วยความที่กลัวว่าลูกคนเล็กจะโดนหมายหัวตามล่า ทั้งครอบครัวต้องพยายามพาเธอไปยังศูนย์วิจัยของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อหาคำตอบของเรื่องนี้

5. Don’t Look Up (2021)

หนังภัยพิบัติไซไฟ เป็นการผสมผสานเนื้อหาเกี่ยวกับวันโลกแตกกับประเด็นเสียดสีทางการเมืองได้อย่างลงตัว ซึ่งหนังเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของดาวหางขนาดมหึมาที่กำลังพุ่งตรงมายังโลกมนุษย์ โดยมันสามารถทำลายโลกได้ภายในพริบตา ทำให้นักดาราศาสตร์ 2 คนที่ค้นพบอย่าง เคท และ แรนดัล จำเป็นต้องพยายามติดต่อไปยังประธานาธิบดี และประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนได้รับรู้ แต่ก็ไม่มีคนสนใจและยังเพิกเฉยต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ จนเกิดเป็นเหตุการณ์ภัยพิบัติและตลกร้ายเกี่ยวกับสังคม

6. The Walking Dead (2010-2022)

ซีรีส์ยอดฮิตที่เหล่าคอซีรีส์ยกให้เป็นหนึ่งในซีรีส์วันโลกแตกหรือหายนะวันสิ้นโลก ว่าด้วยวันที่โลกล่มสลายจากการรุกรานของไวรัสที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นซากศพเดินได้ หรือวอล์คเกอร์ ที่จ้องจะกินเนื้อคนมีชีวิตของผู้คนที่เหลือรอด พวกเขาต้องจับกลุ่มกันสร้างมิตรภาพ ต่อสู้ รวมถึงหนีหัวซุกหัวซุนเอาตัวรอดจากความตาย และบางครั้งอาจจะต้องเจอกับการหักหลัง การพลัดพราก ความตายของผู้เป็นที่รัก ความโหดเหี้ยมอำมหิตของมนุษย์ที่ยังมีลมหายใจ และเผชิญหน้ากับความโหดเหี้ยมในเบื้องลึกของตัวเอง เรียกว่าเป็นซีรีส์แนวเซอร์ไวเวิลที่ต้องเอาชีวิตรอดจากซอมบี้ในวันที่โลกล่มสลายอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรพลาดเลย

7. The 100 (2014-2020)

ซีรีส์ภัยพิบัติแนวเซอร์ไวเวิลสุดระทึกที่ดูกันแบบยาว ๆ ถึง 7 ซีซั่น เรื่องราวของวัยรุ่นจำนวน 100 คน ที่ถูกส่งตัวกลับมายังโลกหลังจากที่โลกถูกทำลายจากมหันตภัยนิวเคลียร์ มนุษยชาติต้องหนีอพยพไปอยู่บนนิคมอวกาศ ดิอาร์ค (The Ark) หรือยานอวกาศขนาดยักษ์ที่สามารถจุคนได้เป็นพัน ๆ คน แต่วันหนึ่งกลับพบปัญหาวิกฤตก๊าซออกซิเจนที่ใช้หายใจกำลังจะขาดแคลน รัฐสภาอวกาศจึงมีมติให้ส่งวัยรุ่นทั้งหมด 100 คนลงมาสำรวจโลก หรืออีกทางหนึ่งก็คือส่งไปตายเพื่อลดภาระบน The Ark นั่นเอง โดยวัยรุ่นส่วนใหญ่เป็นพวกอาชญากรและมีความผิด นอกจากวัยรุ่นจะรู้ว่าตัวเองต้องลงไปเพื่อทดสอบถึงความเป็นไปได้ที่มนุษย์จะกลับมาใช้ชีวิตบนโลกอีกครั้งแล้ว สิ่งที่พวกเขายังไม่รู้คือ พวกเขาไม่ได้เป็นมนุษย์กลุ่มเดียวที่อยู่บนโลกนี้ แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ มหันตภัยธรรมชาติ และเหล่านักรบชนเผ่าผู้เหี้ยมโหดดุร้ายอีกมากมาย

8. The Rain (2018-2020)

ซีรีส์ภัยพิบัติสุดตื่นเต้นระทึกขวัญจากประเทศเดนมาร์ก เรื่องราวของครอบครัวที่มีพ่อเป็นนักวิทยาศาสตร์ในโครงการ Apollon และลูกชาย 2 คน คือ ซีโมนกับรามุส พวกเขาต้องหนีตายจากไวรัสมฤตยูที่มาพร้อมสายฝน ใครโดนฝนจะติดไวรัสและตายทันที ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำ ลำธาร หรือร่างกายของผู้เสียชีวิตจากสายฝนก็โดนไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะติดเชื้อตายตามได้ง่าย ๆ ผู้เป็นพ่อได้พาครอบครัวมาหลบในบังเกอร์ใต้ดิน ก่อนจะกลับไปปฏิบัติภารกิจบางอย่าง พร้อมสั่งให้ทุกคนเก็บตัวห้ามออกไปไหนจนกว่าเขาจะกลับมา แต่ปรากฏว่าเขาไม่ได้กลับมา สองพี่น้องต้องเผชิญชีวิตด้วยตัวเอง 6 ปีเต็มในบังเกอร์ใต้ดิน ก่อนจะออกมาเผชิญกับชีวิตจริงที่รอพวกเขาอยู่ และรวมตัวกับกลุ่มผู้รอดชีวิตเพื่อหาทางออกจากดินแดนกักกันไวรัสแห่งนี้ โดยซีรีส์ภัยพิบัติเรื่องนี้ฉายทาง Netflix ทั้งหมด 3 ซีซั่น

9. Snowpiercer (2020-2022)

ซีรีส์ภัยพิบัติ หายนะของโลกที่ดัดแปลงมาจากเวอร์ชั่นหนัง Snowpiercer (2013) ฉายใน Netflix ทั้งหมด 3 ซีซั่น เล่าเรื่องราวของโลกอนาคตอันใกล้ เมื่อมนุษยชาติหาทางแก้ไขภาวะโลกร้อนด้วยการใช้เทคโนโลยีทำให้อุณหภูมิของโลกลดลง ซึ่งมันก็ได้ผล แต่เกิดความผิดพลาดอย่างหนักจนอุณหภูมิของโลกลดลงกลับไปสู่ยุคน้ำแข็งที่ยากจะมีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่ได้ ทางรอดเดียวของมนุษยชาติคือ รถไฟขนาดยักษ์ที่สร้างขึ้นโดยวิศวกรปริศนานามว่า วิลฟอร์ด โดยรถไฟขบวนนี้ต้องวิ่งรอบโลกเพื่อคงอุณหภูมิและสร้างระบบนิเวศที่เอื้อให้สิ่งมีชีวิตนั้นอยู่รอด และมีเพียงผู้ที่มีตั๋วหรือเงินเท่านั้นที่จะได้ขึ้นรถไฟขบวนนี้ แน่นอนว่าคนที่ไม่มีตั๋วก็ต้องต่อสู้จนขึ้นรถได้และอยู่รอดด้วยการทำงานแลกอาหาร ทั้งนี้ มีข่าวแว่ว ๆ มาว่าบทสรุปของขบวนรถไฟเที่ยวที่วิ่งไม่เคยหยุด ดูเหมือนว่าจะได้เวลามาถึงสถานีปลายทางแล้วในซีซั่น 4 ที่คาดการณ์กันว่าจะออกฉายในช่วงต้นปี 2023

10. The Last of Us (2023)

เมื่อทั้งโลกต้องล่มสลาย ผู้คนส่วนใหญ่ติดเชื้อรามรณะและกลายพันธุ์เป็นซอมบี้ไล่ล่ากัดกินมนุษย์ที่ยังมีชีวิต วันหนึ่งแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ได้ทอแสงมาให้ความหวังกับพวกเขาซึ่งเป็นกลุ่มคนสุดท้ายที่ยังคงเหลือรอดชีวิต เด็กสาวคนหนึ่งถูกซอมบี้กัดแต่ไม่ตาย เลือดของเธอเป็นแอนติบอดี และน่าจะใช้เลือดของเธอมาสกัดเป็นยารักษาอาการติดเชื้อได้ โจเอล ผู้ชายธรรมดาที่รอดชีวิตจากการไล่ล่าของซอมบี้และได้ผันตัวเป็นผู้ลอบค้าอาวุธ จึงต้องเข้ามารับหน้าที่พาตัวเด็กสาวคนนี้ไปยังสถานที่สำหรับสกัดยารักษาที่อยู่อีกฟากหนึ่งของประเทศ