D7
D13

The Covenant (2023) เดอะ โคเวแนนท์ โดย กาย ริชชี่

ดูไม่ได้ให้กดที่นี่

ตัวอย่าง The Covenant (2023) เดอะ โคเวแนนท์ โดย กาย ริชชี่

ดูหนังออนไลน์ The Covenant (2023) เดอะ โคเวแนนท์ โดย กาย ริชชี่
ปีที่ฉาย :

เสียง : พากย์ไทย

ดูหนังออนไลน์ฟรี The Covenant (2023) เดอะ โคเวแนนท์ โดย กาย ริชชี่ on IMDb7.9/10 เวลาฉาย : 123 HD

The Covenant (2023) เดอะ โคเวแนนท์ โดย กาย ริชชี่

The Covenant (2023) เดอะ โคเวแนนท์ โดย กาย ริชชี่ เรื่องราวของ สิบเอก จอห์น คินลีย์ ทหารที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ครั้งสุดท้ายในอัฟกานิสถาน เขาได้ร่วมมือกับ อาเหม็ด ล่ามในพื้นที่เพื่อออกลาดตระเวน เมื่อหน่วยของพวกเขาถูกซุ่มโจมตี จอห์นกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส และรอดชีวิตมาได้ด้วยการช่วยเหลือของอาเหม็ด ที่ใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตเขา จนทำให้ทั้งคู่ตกเป็นเป้าหมายที่ตาลีบันต้องการล่าตัว เรื่องราวจะเป็นอย่างไร

The Covenant (2023) เดอะ โคเวแนนท์ โดย กาย ริชชี่

The Covenant (2023) ขอเริ่มรีวิวฉบับนี้ด้วยการบันทึกไว้เลยว่าอาทิตย์วันที่ 20 เดือนเมษายน 2566

เป็นวันที่หนังของกาย ริตชี (Guy Ritchie) เข้าฉายถึง 2 เรื่องเป็นต้นว่า ‘Operation Fortune’ แล้วก็ ‘Guy Ritchie’s The Covenant’ ประเด็นนี้ ตอนที่หนังเรื่องแรกเป็นหนังตามขนบของชื่อ กาย ริตชี เรื่องราวกลับตาลปัตร คนบ้า มุกห่ามๆแล้วก็ฉากแอ็กชันระห่ำเดือด แต่ว่ากับ ‘Guy Ritchie’s The Covenant’ กลับให้ภาพที่มองผิดแผกกันอย่างสิ้นเชิง หากแม้ถ้ามองจากเครดิตกลุ่มบทภาพยนตร์เป็นกลุ่มเดียวกันเป๊ะๆเลยก็ตาม

หนังใช้เบื้องหลังเป็นการบุกอัฟกานิสถานเพื่อกระหน่ำตะลีบันข้างหลังเรื่อง 911 โดยมี นายสิบจอห์น คินลีย์ (สวมบทบาทโดย เจก จิลเลนฮาล, Jake Gyllenhaal) เป็นผู้สั่งการ ภายหลังจากล่ามแปลภาษามนุษย์ก่อนตายจากระเบิดแสวงเครื่อง อาเหม็ด (เล่นบทโดย ดาร์ ซาลิม, Dar Salim) ล่ามคนใหม่ก็เลยถูกว่าจ้างมาเพื่อบุกค้นหาและก็ทำลายแหล่งผลิตระเบิดแสวงเครื่องของตะลีบัน

ภารกิจดำเนินไปได้ด้วยดีตราบจนกระทั่งตะลีบันส่งกองทัพมาบุกยิงกระหน่ำพวกเขาจนถึง จอห์น คินลีย์

ได้รับบาดเจ็บรุนแรง แล้วก็ด้วยความมีมนุษยธรรม อาเหม็ดก็เลยสร้างเปลแล้วเข็นร่างจอห์นผ่านช่องเขานับร้อยกิโลเพื่อส่งนายทหารอเมริกันกลับไปอยู่ที่บ้าน แต่ว่าข้างหลังเรื่องผ่านไปร่วมเดือนจอห์นจึงควรทำทุกทางเพื่อช่วยกลับไปช่วยเหลืออาเหม็ดที่อัฟกานิสถานหากแม้มันจะเป็นการที่เขาฆ่าตนเองไปเสี่ยงกับการที่จะเกิดอันตรายอีกรอบก็ตาม

อย่างที่ได้จั่วหัวข้างต้นไปแล้วว่า ‘Guy Ritchie’s The Covenant’ ใช้กลุ่มเขียนบทเดียวกับหนังอีกประเด็นอย่าง ‘Operation Fortune’ อีกทั้ง ไอวาน แอตคินสัน (Ivan Atkinson), มาร์น เดวีส์ (Marn Davies)

ที่มาเขียนบทร่วมกับ กาย ริตชี เอง แม้กระนั้นสิ่งที่เห็นได้ชัดสำหรับหนังหัวข้อนี้เป็น

หากแม้มันจะมิได้เป็นหนังมาจากความเป็นจริงกลับถือใจความสำคัญที่น่าดึงดูดอย่างล่ามแปลภาษาในการทำศึกต่างเมืองที่มักถูกดันไปเป็นตัวประกอบในหนังสงคราม ให้มีความหมายแล้วก็เป็นภารกิจที่ตัวละครที่เป็นตัวละครเอกอย่าง นายสิบจอห์น คินลีย์ จำต้องไปทำหน้าที่ระห่ำส่วนท้ายเรื่อง

อย่างไรก็แล้วแต่ถ้าเกิดหวังว่าพวกเราจะมองเห็นดราม่าซึ้งช้ำใจแบบหนังสงครามอเมริกันหรือมีวัววตรักชาติสไตล์ฮอลลีวูดขอบอกเลยว่าอย่ามาหวังกับหนังชื่อ ‘Guy Ritchie’s The Covenant’ เนื่องจากว่าตลอดระยะเวลาร่วม 2 ชั่วโมงหนังถูกขับเคลื่อนด้วยความเป็นหนังแอ็กชัน ทริลเลอร์เต็มดูดแบบแทบจะมิได้หายใจหายคอ โดยแทรกสอดมุกตลกขบขันเบาๆผิดวิสัยกาย ริตชีเยอะไปหมด

ที่สำคัญบทหนังยังมุ่งวิพากษ์การบ้านการเมืองโลกแตกต่างจากงานชิ้นก่อน

ที่จะมักไปตรวจสอบวัฒนธรรมเฉพาะถิ่นชาวไอริช หรือทำหนังจากวรรณกรรมปรับเปลี่ยนให้มีความบ้าคลั่งไปเลย แต่ว่ากับ ‘Guy Ritchie’s The Covenant’ มันกลับมีแมสเซจด้านการเมืองแจ้งชัดไม่อ้อมค้อมโดยยิ่งไปกว่านั้นตอนสุดท้ายที่เอ่ยถึงชะตาชีวิตอันน่าสงสารของบรรดาล่ามแปลภาษาข้างหลังอเมริกาถอนกำลังออกมาจากอัฟกานิสถาน

รวมทั้งเพียงพอหนังถูกหุ้มห่อด้วยความเป็นหนังสงคราม (War Film) ดราม่า

มันจะถูกเผยออกมาผ่านความประพฤติปฏิบัตินักแสดงที่กล้วยๆตั้งแต่ความหวาดกลัวในแววตาของนายสิบจอห์น คินส์ลีย์ ที่ เจก จิลเลนฮาล แสดงไว้ได้อย่างดียิ่งหรือความกล้าและก็เมตตาธรรมของอาเหม็ดที่ถูกถ่ายทอดได้อย่างเป็นธรรมชาติและก็น่าชื่นชอบของดาร์ ซาลิม

รวมทั้งที่สนับสนุนดราม่าของหนังได้ดิบได้ดีมากมายเป็นการควบคุมภาพของ เอ็ด ไวลด์ (Ed Wild) ที่ใช้ภาพมุมเงย (Worm Eye View) มาแทนสายตาของ นายสิบจอห์น คินส์ลีย์ ตอนนอนอยู่บนเปลที่ถูกเอามาใช้ได้อย่างมีคุณภาพในฉากสำคัญของหนัง หรือความดีเลิศมากมายๆอย่างหนึ่งในฐานะผู้ที่จำเป็นต้องดูภาพยนตร์จากแถวที่ 3 ของจออย่างผมในรอบสื่อเป็นการออกแบบภาพของมันดันใส่รับกับการดูในระยะใกล้จอมากๆมีผลต่ออารมณ์สำหรับในการรับดูเจริญทีเดียว

กระนั้นถ้าจำเป็นต้องบอกจุดอ่อนหรือแผลของหนังก็ยังคงเห็นได้ชัดทั้งยังการตัดสินใจของ จอห์น คินส์ลีย์

ที่ใช้ฝันร้ายรวมทั้งหนี้สินชีวิตมาเคลื่อนตกลงใจ ถึงแม้พวกเราจะได้ฉากเข็นเปลสุดทรหดอาเหม็ดมาช่วยก็ตาม หรือจนถึงเรื่องราวในองก์ 2-3 ที่ดูเหมือนจะสั้นจนถึงแตกต่างจากปกติ แถมปัญหาใดๆก็ตามบางทีอาจจะยังไม่เข้มข้นเท่าเรื่องราวในองก์แรกของหนัง แม้กระนั้นเอาเถอะเมื่อเทียบกับประสบการณ์เหงื่อแตกมือลุ้นกระทั่งมือจิกเบาะทั้งยังเรื่องแล้ว ‘Guy Ritchie’s The Covenant’ ก็ยังเป็นหนังที่มีค่าแก่การดูในโรงหนังอยู่ดีนะครับ

The Covenant (2023) เดอะ โคเวแนนท์ โดย กาย ริชชี่

  • รีวิวหนัง “The Covenant” กระตุกต่อมสละชีพ..น้ำตาคลอหน่วย ฉบับผู้กำกับ กาย ริตชี

ถึงคิวผลงานใหม่อีกหนึ่งเรื่องของผู้กำกับ “กาย ริตชี” ที่ได้ได้โอกาสลงโรงฉายในประเทศไทยแบบชนกันทั้งคู่เรื่อง (อีกหัวข้อก็คือ Operation Fortune: Ruse de guerre) ในอาทิตย์ช่วงเวลากลางเดือนเดือนเมษายน รวมทั้งประเด็นนี้เป็น “The Covenant” ที่มาพร้อมทั้งโหมดเอาจริงเอาจัง พกกองกำลังทหารสหรัฐอเมริกา มาอย่างมาดแมน แต่ว่าเนื้อแท้ของหนังประเด็นนี้แทรกสอดไปด้วยใจความสำคัญมิตรภาพ ความมุ่งมาด แล้วก็ช่องทางในการรบ ที่ดีไม่ดีบางทีอาจจะจะต้องเสียน้ำตาให้ด้วย

The Covenant เกิดเรื่องราวของ นายสิบสิบเอก จอห์น คินลีย์ กับ อาเหม็ด ล่ามภาษาชาวอัฟกัน ที่จำเป็นต้องระเหเร่ร่อนต่อสู้ป่าตาลีบานด้วยกัน ภายหลังจากกองกำลังของพวกเขาได้ถูกซุ่มจู่โจมอย่างมากถ่วง โดยที่อาเหม็ดได้มานะอย่างเต็มที่เพื่อจะช่วยจอห์นเอาไว้ให้ได้ แม้กระนั้นเมื่อจอห์นฟื้นขึ้นมารู้ว่า อาเหม็ดยังคงหลบๆหลบซ่อนๆอยู่ที่อัฟกานิสถาน ที่ตาลีบานได้หมายหัวเขาเอาไว้จากความกล้าหาญที่เขาได้ช่วยเหลือทหารอเมริกันเอาไว้ ทำให้เขาเลือกที่จะกลับไปสู่สนามรบตนเองอีกที เพื่อช่วยเหลือ…เพื่อนพ้องร่วมรบ

รวมทั้งอีกเหมือนปกติ The Covenant ก็ยังคงได้ผลสำเร็จการงานเขียนบทหนังของ 3 ทหารเสือหน้าคุ้น

กาย ริตชี ร่วมด้วย อิแวน แอตคินสัน กับ มาร์น เดวีส์ ที่พวกเขาทั้งคู่คนต่างประสานมือกันเขียนบทแล้วก็ปรับปรุงบทมาด้วยกันในผลงานหลายๆหัวข้อนี้ สำหรับในหนังหัวข้อนี้นั้นนับว่ามีกลิ่นที่ต่างไปจากงานเดิมของพวกเขาอยู่ไม่น้อย หากว่ามันจะยังแทรกสอดกลิ่นความเป็นหนังสุภาพบุรุษแนวถนัดอยู่ไปบ้าง แม้กระนั้นกับมีเส้นเรื่องแล้วก็ส่วนประกอบอื่นที่หนักแน่นมากกว่า

โดยจะว่าไปแล้ว The Covenant ถือได้ว่าหนังที่มีซีนแล้วก็อาการที่ชมเชยกองทัพสหรัฐอเมริกา อยู่พอได้ แม้กระนั้นพวกเขาก็มิได้ทำออกมาเป็นหนังกองทัพขาๆแบบชักชวนมันอะไรทำนอง แต่สดุดหน้าที่เล็กๆที่สำคัญในการสู้รบกับตาลีบานที่คงจะถูกละเลยไป อย่างข้าราชการล่ามภาษาถิ่น ที่ถือได้ว่าหนึ่งในกองกำลังที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แล้วก็เสี่ยงอันตรายกับการดำรงชีวิตในสังคม เพื่อมาปฏิบัติภารกิจสำหรับเพื่อการแปลภาษาให้กับข้างศัตรูของรกรากของพวกเขา

จะต้องสารภาพว่าเค้าเรื่องกล้วยๆของหนังเป็นจุดที่ทำให้มันเวิร์กก้าวหน้า เมื่อมาเพิ่มเติมกับการเล่าเรื่องที่มิได้มีอะไรสลับซับซ้อน The Convenant ก็เลยเปลี่ยนเป็นหนังแอคชั่นด้านการทหารที่มองได้สนุกสนานเพลิดเพลินเอาการ เรื่องราวค่อนๆสองเท่าความเข้มข้นเป็นลำดับขั้นของเหตุการณ์ที่หนังผลิตขึ้นมาในแต่ละซีน ถึงมันจะยังมีจุดที่เกินจริงและไม่มีเหตุผลผสมปนเปอยู่ไปบ้าง แต่ว่าหนังก็มอบความสนุกสนานแบบที่ผู้ชมปรารถนาได้อย่างดีเยี่ยม

โลเคชั่นของหนังประเด็นนี้จัดว่าแจ่มมากมาย แน่ๆว่าพวกเขาไม่มีวันไปถ่ายทำ

ในสถานที่จริงอยู่แล้ว แต่ว่าการเลียนแบบบรรยากาศของอัฟกานิสถานในหนังประเด็นนี้นับว่าออกจะใช้ได้ทีเดียว หากว่าอันที่จริงแล้วในหนังพวกเขาจะถ่ายทำอยู่ในประเทศสเปนเป็นหลัก ส่วนมุมภาพและก็มุมกล้องถ่ายรูปก็ยังไม่ทิ้งลวดลายของ กาย ริตชี แนวทางต่างๆบางครั้งอาจจะมิได้มีลูกเล่นอะไรมากแค่ไหน แต่ว่ามีส่วนสำหรับเพื่อการช่วยบิวท์อารมณ์รวมทั้งบรรยากาศของหนังเอาไว้ภายในจังหวะที่ดี

ยิ่งมาได้เรื่องแสดงที่เป็นมือโปรของ “เจค จิลเลนฮาล” เข้าไปด้วย ยิ่งทำให้หนังเต็มไปด้วยอรรถรสเข้าไปใหญ่ เขามอบการแสดงที่เด็ดขาดสไตล์ของเขา เล่นน้อยแม้กระนั้นให้ออกมามากมาย ถึงจะมิได้เป็นการแสดงระดับมาสเตอร์พีชอะไร แม้กระนั้นเขาก็คือนักแสดงหลักที่หามหนังหัวข้อนี้เอาไว้ได้ดีเยี่ยม เหมือนกับ “ดาร์ ซาลิม” ที่ไม่กล่าวถึงมิได้เลย นับว่าบทส่งให้เขาอยู่ไม่น้อย แม้กระนั้นติดอยู่แรกเตอร์นี้เต็มไปด้วยมากมายมุมให้น่าตรวจสอบ และก็เขาก็ทำออกมาก้าวหน้า ในลักษณะไม่ค่อยพูดต่อยหนัก

  • สรุปว่าภายหลังที่ได้เสพงานหนังของ กาย ริตชี มาหลายเรื่องก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา

ก็แสดงให้เห็นว่าเขายอดเยี่ยมในผู้กำกับที่มีความมากมายหลากหลายสำหรับเพื่อการผลิตอยู่ไม่น้อย ถึงจะถนัดในงานสร้างภาพยนตร์แอคชั่นสไตล์สุภาพบุรุษ แต่ว่าเขาก็ยังหันมาทำหนังแฟนตาซีให้ดิสนีย์ได้ แล้วก็ปัจจุบันมาจับทำหนังดราม่าเกี่ยวกับการศึกออกมาก้าวหน้าอีกด้วยเหมือนกัน ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลยว่า กาย ริตชี ชื่อนี้ไม่มีอะไรที่เขาจะทำไม่ได้ในแวดวงหนังอีกแล้ว

ด้วยเหตุดังกล่าวโดยภาพรวมแล้ว The Covenant ก็นับได้ว่าเป็นหนังที่ค่อนข้างจะมอบคำตอบที่เซอร์ไพรส์อยู่พอได้ ด้วยเหตุว่ามิได้มุ่งหวังที่กำลังจะได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่อะไรแบบงี้ แต่ว่าหนังสามารถตอบปัญหาและก็สร้างความอิมแพคต่อจิตใจผู้ชมได้อย่างดีเยี่ยม หากว่าหนังจะยังค่อยข้างเพลย์เซฟกับสูตรสำเร็จที่มิได้แปลกใหม่อะไรก็แล้วแต่ แต่ว่าขั้นต่ำๆก็ทำหนังออกมาได้บันเทิงใจและก็ชอบใจ นี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งหนังทหารที่น่าจำเอาไว้อีกหนึ่งเรื่องในยุคนี้อย่างยิ่งจริงๆ

For about half of “Guy Ritchie’s The Covenant,” a big, explosive Afghanistan-set

war flick, the bombastic director nearly forgets that his name is attached to the film’s title. Instead, the movie plays more like the second half of its clunky title; it’s initially a pensive, self-aware story of a rugged American Sergeant

named John Kinley (Jake Gyllenhaal) and his observant Afghan translator Ahmed (Dar Salim) who live every day with a tacit agreement. Through Ahmed’s work, a job that puts him at grave risk of

retaliation by the Taliban, he and his wife (Fariba Sheikhan) and child will be given

visas to the United States. “The Covenant” operates best as a quiet, taut character drama that tests America’s myriad of failed promises to the Middle Eastern country and its people.

If “The Covenant” were only an interrogation of the hollowness of American exceptionalism, as its first hour suggests, it’d be among the most honest portrayals of the country’s role in the region. But Ritchie eventually awakens from his stupor, pushing this combat-action flick to gonzo territory.

In “The Covenant,” we’re immediately given an immersive view of the

dangers hanging over all involved. For instance, during the opening scene Kinley and his men—a team specializing in the recovery of explosives or weapons of mass destruction—are conducting roadside checks. Their translator attempts to get an Afghan truck driver to open his payload, only for a bomb to be detonated,

murdering the translator and two other soldiers. When Ahmed arrives to fill the vacant position, it might surprise the viewer to hear his brusqueness; the job is merely a paycheck to him. We discover later that Ahmed is more attached to bringing down the Taliban than he lets on.

The Covenant (2023) เดอะ โคเวแนนท์ โดย กาย ริชชี่

That stoicism gives the script by Ritchie, Ivan Atkinson, and Marn Davies so much intrigue.

Because though the gaze of cinematographer Ed Wild’s camera appears attached to Kinley, it’s actually enraptured by Ahmed. From knowing the local drug trade to being able to tell when someone is lying instantly, Ahmed demonstrates that he is an intelligent man intimately aware of the happenings around him.

He is unafraid to speak up or to go off script, such as negotiating with an informant or correcting the unamused Kinley of his errors. Salim is totally connected with how his broad frame plays to the camera; how these soldiers see him as a threat, often not even acknowledging his presence, even though he is there to help them. Sadim also displays an intelligence that runs counter to the brawny, gut-check soldier seen in other war films.

However, fissures break open when Ritchie turns his visual interests

away from Salim to Gyllenhaal. When an attack leaves Ahmed and Kinley fighting through the Afghan wilderness back to base, the specter of the unequal relationship Sidney Poitier and Tony Curtis shared in “The Defiant Ones” rears its ugly head: Will this partnership cause Kinley to finally see the inherent humanity of Ahmed?

Admittedly, Kinley doesn’t wholly disregard Ahmed’s presence like Curtis does to Poitier. It’s suggested through Gyllenhaal’s psychologically firm performance that he trusts and even somewhat admires Ahmed. And yet, the personal distance outside the workplace setting of war is apparent. As opposed to the other

soldiers under his care, Kinley would rather not know anything about Ahmed,

making their flight toward freedom through the wilderness an uneven arrangement whereby Ahmed is tethered to Kinsely not solely through loyalty (and really, not even out of friendship), but an unearned honoring of the camaraderie shared by soldiers in combat.

ขอให้สนุกกับการดูหนังออนไลน์ ดูหนังออนไลน์ หนังสงคราม HD ฟรี เรื่อง The Covenant (2023) เดอะ โคเวแนนท์ โดย กาย ริชชี่ หนังประเภท War สงคราม หนังออนไลน์ ดูหนังออนไลน์ หนังชนโรง หนังใหม่ หนัง2024 หนังอัพเดทใหม่ทุกวัน DooMovie ดูหนังฟรีระดับโรงภาพยนตร์ เชิญรับชมหนังภาพยนตร์ เรื่องนี้ได้เลย ดูหนังฟรี ดูหนังผ่านมือถือ ผ่านสมาร์ทโฟน แอนดรอย IOS สมาร์ทTV



Tags : The Covenant The Covenant เดอะ โคเวแนนท์ โดย กาย ริชชี่ เดอะ โคเวแนนท์ โดย กาย ริชชี่

หนังที่เกี่ยวข้อง


  • D8
  • D14
  • ดูหนังออนไลน์ ดูหนังใหม่ชนโรงฟรี HD

    ดูหนังเต็มเรื่อง หนังมาสเตอร์ ดูหนังฟรี หนังออนไลน์ ดูหนังออนไลน์ หนังชนโรง หนังใหม่ หนัง2023 ซีรี่ย์ดูฟรี หนังการ์ตูนอนิเมะ หนังมาสเตอร์ ดูหนังไม่กระตุก ดูหนังระดับ HD 4K Full HD หนังตลก หนังชีวิต หนังผจญภัย หนังบู๊ หนังจิตนาการ หนังลึกลับ หนังกีฬา หนังมากมาย หนังอัพเดทใหม่ทุกวัน DooMovie ดูหนังฟรีระดับโรงภาพยนตร์ ดูได้ทั้งในมือถือและสมาร์ททีวี

    อ่านต่อ

    เว็บไซต์ดูหนังฟรี หนังออนไลน์ มีหนังหลายประเภท หนังnetflix โรแมนติก วิทยาศาสตร์ กีฬา ตลก ระทึกขวัญ สงคราม อาชญากรรม ผจญภัย บู๊ การ์ตูน สารคดี ครอบครัว ประวัติศาสตร์ สยองขวัญ ลึกลับ หนังคาวบอยตะวันตก หนังเอเชีย หนังฝรั่ง หนังมากกว่าหมื่นเรื่อง ดูฟรีHD FullHD 4K