เสียง : พากย์ไทย

5.8/10

Siam Yuth: The Dawn of the Kingdom (2015) สยามยุทธ

Siam Yuth: The Dawn of the Kingdom (2015) สยามยุทธ ทัพและอินสองพี่น้องนักดนตรีพเนจรได้พบกับสังหารเข่นฆ่าชาวบ้านโดยฝีมือของขุนรามผู้ทะเยอทะยานหมายยึดครองแผ่นดิน โดยป้ายความผิดให้แก่ ขุนศึกที่แตกทัพมาอย่างสิน ทัพเห็นความไม่เป็นธรรม และต้องการทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ชาวบ้าน จึงเดินทางไป เมืองจันทบูร ซึ่งเป็นที่พำนักของขุนราม เขาได้พบกับอดีตคนรักอย่าง

อังกาบ ผู้ซึ่งเป็นอนุของเจ้าเมืองจันทบูรและยังเป็นมือสังหารของขุนราม ด้วยในการเดินทางไปพบเจ้าเมืองจันทบูร ทัพผู้เลือดร้อนตกอยู่ในวงล้อมของศัตรู แต่ได้บุญมาขุนศึกของ สิน ที่มาทำการสอดแนมช่วยเหลือเอาไว้ ทัพตัดสินใจเข้าร่วมกับสินเพื่อต้องการลงโทษ ขุนราม ผู้โฉดชั่วและร้ายกาจ และทัพก็ได้พบรักกับทิม นักรบหญิงภายใต้สังกัดแม่หญิงบัว ซึ่งเข้ามาร่วมด้วยกับกองกำลังของ สิน ระหว่างนั้น ขุนราม ซึ่งมองสินเป็นหอกข้างแคร่

ได้ออกปล้นสะดมไปทั่วและป้ายความผิดให้สิน ต่อมาได้วางแผนเพื่อที่จะล่อสินมากำจัด ไปพร้อมๆกับเจ้าเมืองจันทบูร เพื่อยึดเมืองจันทบูรเป็นของตนเองเป็นที่มั่นในการยึดครองแผ่นดิน ศึกสุดตัดสินระหว่าง สิน กับ ขุนรามจึงเริ่มขึ้น โดยมีเมืองจันทบูรเป็นเดิมพัน

The Dawn of the Kingdom (Siam Yuth) (2015) สยามยุทธ

ทับและสินเป็นพี่น้องนักดนตรีไร้บ้านที่บังเอิญไปเจอหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ถูกขุนรามบุกโจมตีและพยายามปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้งในอาณาจักรสยาม ทัพแสวงหาความยุติธรรมให้กับชาวบ้านและออกเดินทางไปที่เมืองจันทบูรซึ่งอยู่ในบ้านของคุณราม จากนั้นเขาก็ได้พบกับคนรักเก่าของเขา อังคาบ

ซึ่งเป็นนางสนมของเจ้าชายจันทบูรและยังทำงานอยู่ภายใต้คุณแรมส์ด้วย ระหว่างทางไปพบองค์ชายทัพพบศัตรูแต่บุญมาและสินช่วยชีวิตไว้ได้ ทัพตัดสินใจร่วมมือกับซินในภารกิจโค่นคุกราม ในขณะเดียวกันคุณรามก็ปล้นและทำลายหมู่บ้านอื่นและใส่ร้ายซิน ขุนรามวางแผนที่จะโค่นเจ้าฟ้าจันทบูรและยึดครองอาณาจักร แต่ทับและเพื่อนๆ ตั้งใจที่จะหยุดยั้งแผนการของเขา

ไม่ได้คาดหวังอะไรกับเรื่องนี้เท่าไรเพราะด้วยกระแสตอบรับที่ค่อนข้างเงียบและมีปัญหาขึ้นศาลเกี่ยวกับค่าตัวนักแสดงที่ถูกเบี้ยวจากผู้กำกับทำให้อารมณ์ตอนรับชมเตรียมตัวที่จะส่ายหัวได้ตลอดเวลา แน่นอนว่าไม่ทันไรในตอนเปิดเรื่องก็พบข้อผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย นั้นคือการเล่าเรื่องที่ลำดับภาพได้น่าฉงนชวนงงอย่างถึงที่สุด

แม้ว่าจะไม่ถึงกับต้องแสดงอาการเหวอประหลาดใจมากนักแต่ถ้าไม่ได้นั่งดูหรือลุกไปไหนอาจมีสับสนกันบ้างที่จู่ๆเปลี่ยนฉากเปลี่ยนเนื้อเรื่องกันอย่างสายฟ้าฟาด ด้วยภาพลักษณ์ตอนช่วงแรกของหนังไม่แตกต่างกับหนังไทยธรรมดาที่ยังต้องปรับปรุงการเล่าเรื่องให้เข้าใจมากกว่านี้ รวมถึงในส่วนของตัวละครที่จะมาก็มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ซึ่งแค่ช่วงแรกๆของหนังก็ทำให้ทิศทางการรับชมก็เริ่มจะไม่สบอารมณ์ ความน่าติดตามก็ล้วนน้อยลงเรื่อยๆ

เมื่อเห็นข้อผิดพลาดเหล่านี้ก่อนจะมาสะดุดในส่วนของแอ็คชั่นที่เหมือนกับว่าการเล่าเรื่องค่อยว่ากันแต่แอ็คชั่นต้องขายความมันส์ให้ได้ และที่ไม่รู้จะฮาหรือมันส์ดีที่ใช้เทคนิคแบบในเรื่อง 300 (2006) ที่ฝ่าข้าศึกทีคนในมุมกล้องด้านข้างพร้อมกับซูมเข้าออกอย่างเป็นจังหวะพร้อมสโลโมชั่นไปในตัวอาจจะคุ้นฉากนี้กันอย่างดีแต่วิธีการสู้ได้ปรับเปลี่ยนจากใช้ดาบกับโล่มาเป็นการใช้มือเปล่าเข้าสู้ด้วยศิลปะมวยไทย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็รู้สึกได้เลยว่าจะต้องมีอะไรเด็ดๆซ่อนไว้บ้าง

ก่อนจะเข้าเรื่องราวอย่างเข้าใจเพราะคิดว่าหลายคนที่รับชมเรื่องนี้ในช่วงเริ่มต้นของหนังน่าจะออกอาการงงไปพักหนึ่งว่าตกลงเรื่องสยามยุทธมันเกิดในยุคสมัยใดแล้วเกี่ยวข้องยังไงกับประวัติศาสตร์ ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างต้นในส่วนของช่วงแรกของหนังที่มีการตัดต่อได้ไวเกินไปและขาดความแม่นยำในการตีเนื้อเรื่องให้เข้าใจ จนเกิดคำถามว่านี่อิงจากวีรกรรมชุดใดในประวัติศาสตร์ไทย

ด้วยความไม่ชัดเจนนี่เองกลายเป็นทั้งข้อดีข้อเสียเนื่องจากไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปและเป็นคสามสับสนว่าตกลงจะเอายังไงกันแน่ การเล่าเรื่องต้องกินเวลาอยู่พักหนึ่งถึงจะตามพล็อตเรื่องได้ทันเนื่องจากความไวนี่แหละที่ไม่รู้จะครุ่นคิดยังไงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กว่าจะเข้าเรื่องก็ตอนที่การตัดต่อภาพเริ่มลงตัวพร้อมกับทุกตัวละครมากันครบ

ซึ่งเรื่องราวเกิดในช่วงที่คนไทยแย่งชิงความดีเด่นกันเองเพื่อกลายเป็นใหญ่ในแผ่นดิน เรื่องราวได้โฟกัสมาที่เมื่องจันทบูรเป็นหลักเพราะเป็นยุคหลังสงครามกับพม่าหลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 โดยหัวเมืองต่างๆพยายามตั้งตนเป็นใหญ่หลังจากแผ่นดินแตกแยกแบ่งเป็นก๊ก จึงมีศึกเล็กศึกน้อยตลอดเวลาจากความแตกแยกความสามัคคีกันและแย่งชิงความเป็นใหญ่กันเอง

ดังนั้นสยามยุทธจึงเสมือนการเล่าเรื่องระหว่างกลางความแตกแยกกับความแตกต่างที่ไม่ได้เกิดจากชาติอื่นยึดครองแต่เป็นชาติตนเองในสภาพต่างฝ่ายต่างหาประโยชน์ใส่ตัว ฉะนั้นแก่นของเรื่องคือต้องการจะสื่อความเป็นน้ำหนึ่งของคนไทย อยากให้มีความสามัคคี อยากให้เห็นความสำคัญของแผ่นดินชาติบ้านเมืองที่ตัวเองได้อยู่ได้กิน

เนื้อเรื่องคร่าวๆคือ ทัพ (ธันญ์ ธนากร) นักดนตรีพเนจรได้พบกับสังหารเข่นฆ่าชาวบ้านโดยฝีมือของขุนรามผู้ทะเยอทะยานหมายยึดครองแผ่นดินโดยป้ายความผิดให้แก่ขุนศึกที่แตกทัพมาให้กับสิน (กฤษฏ์ศิรวัชร แก้วมณีกานนท์) ทัพเห็นความไม่เป็นธรรมและต้องการทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ชาวบ้านจึงเดินทางไปเมืองจันทบูร(หรืออีกชื่อคือจันทบุรี)

ซึ่งเป็นที่พํานักของขุนรามหมื่นซ่อง (ธนายง ว่องตระกูล) ผู้อยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมด ซึ่งพล็อตเรื่องก็มีประมาณเท่านี้และด้วยความที่สเกลไม่ได้ใหญ่โตอะไรเพราะเป็นเรื่องของกลุ่มคนน้อยกับหัวเมืองจึงไม่มีการเล่าในส่วนต่างๆว่าในเหตุการณ์เกิดอะไรขึ้นกับสยาม บ้านเมืองภายนอกทั่วสารทิศเป็นยังไง แม้แต่เรื่องของพม่าที่มายึดครองไม่ได้มีการกล่าวถึงใดๆ

ฉะนั้นตลอดการเล่าเรื่องจะมีแค่เรื่องของกลุ่มทหารมือดีมากฝีมือที่รวมตัวกันกอบกู้เมืองจัทบูรคืน แม้จะไม่มีประเด็นอะไรมากมายสำหรับสยามยุทธแต่พอจะได้สิ่งที่ประวัติศาสตร์พร่ำสอนเสมอคือการรักชาติ แต่น่าเสียดายที่ต่อให้พูดถึงการรักษาแผ่นดินมากแค่ไหนก็ดูจะให้อารมณ์ไม่ต่างกับการพูดแบบปากเปล่า

ไม่ชวนให้รู้สึกประเทศบ้านเมืองคือสิ่งสำคัญประหนึ่งชีวิตที่ต้องรักษาไม่หนักแน่นเพียงพอให้ดูน่าเชื่อถือหรือเกรงขามแต่อย่างใด ขนาดที่ว่าฉากไคล์แม็กซ์ท้ายเรื่องที่ต้องการแสดงความอุดมการณ์รักชาติที่ว่าหนักแน่นที่สุดยังไม่มีพลังพอจะยืนหยัดให้ประทับใจมากมายนัก กระนั้นกับบางคนนี่นับเป็นเรื่องที่น่าเคารพอย่างยิ่งถ้ามองในแง่ประวัติศาสตร์

แม้พล็อตจะไม่ได้พิเศษอะไรเมื่อเทียบความเป็นจริงในยุคสมัยที่อยู่ในช่วงการรักษาบ้านเมืองจากชาติอื่นและคงมีแต่เรื่องสงครามกันเป็นหลัก กระนั้นสยามยุทธพยายามใส่ปูมหลังมิติของตัวละครเพื่อให้มีมากกว่าแอ็คชั่น ซึ่งหลักๆคือทัพที่เห็นได้ว่าเมื่อเทียบกับทุกตัวละครจะมีมิติมากที่สุดและเชื่อมโยงกับตัวละครอื่นโดยเฉพาะในเรื่องของความรัก

เมื่อทัพได้ตัดสินมาอยู่ร่วมใต้สังกัดกับสินก็ได้พบรักกับบัว (แคนดี้ รากแก่น) ในความสัมพันธ์ผิวเผินจะแค่คู่รักธรรมดา ทว่าตัวหนังพยายามต้องการสอดแทรกความดราม่าของความรักทั้งสองเมื่ออดีตคนรักของทัพอย่างอังกาบ (ไปรยาพิณ เจริญวิชิตไชยเดช) ผู้ซึ่งเป็นสนมเอกของเจ้าเมืองจันทบูร (โชคชัย เจริญสุข) และยังเป็นมือสังหารของขุนรามหมื่นซ่องอย่างลับๆ

ทว่าความสัมพันธ์ดังกล่าวเป็นเพียงเรื่องที่เพิ่มสีสันแก่ตัวละครให้เนื้อเรื่องออกมายาวโดยลืมไปว่ามีความรักสามเส้าอยู่ด้วย เมื่อสังเกตดูไปสักระยะจะเห็นทัพเป็นคนที่เจ้าชู้มากแค่ไหนเพราะระหว่างที่ร่วมรักกับบัวอย่างเช่นข้าวใหม่ปลามันจนเสร็จการแสดงความรักในหนองน้ำท่ามกลางแสงจันทร์ก็เกิดมีอังกาบโผล่ขึ้นมาจนทัพห้ามใจในคนรักเก่าไม่ได้

แม้จะเป็นศัตรูอยู่กันคนละข้างแต่ท้ายที่สุดก็ลงเอยด้วยการที่ทัพต่ออีกยกกับอังกาบที่เว่อร์ขนาดไปต่อกันถึงบนต้นไม้อย่างสวยงามก่อนจะทิ้งทัพให้หายไปโดยไม่มีการบอกลา ในส่วนของความรักที่มาเป็นส่วนหนึ่งของหนังเมื่อเอาเข้าจริงไม่ต่างกับความว่างเปล่าที่ใส่มาเพียงชั่วครั้งชั่วคราวแล้วปล่อยไปอย่างไม่แคร์และสับสนในความสัมพันธ์ของทั้งสาม ซึ่งน่าเสียดายน่าจะเพิ่มมิติให้มากกว่านี้ถ้าเป็นไปได้

Thap and In, two wandering musician brothers, encounter the slaughter of villagers at the hands of Khun Ram, who is ambitious to conquer the land. By labeling the fault for The warlords who divided their armies like Sin The army sees injustice. And wanted to restore justice to the villagers, so he traveled to Chanthaboon City, which is the residence of Khun Ram. He meets his former lover.

Angkab, who was the subordinate of the ruler of Chantaboon and was also the assassin of Khun Ram. On his journey to meet the governor of Chanthaboon. The hot-blooded army is surrounded by enemies. Siam Yuth: The Dawn of the Kingdom But I received merit from the warlord Sin who came to scout and help. The army decides to join Sin in order to punish Khun Ram, who is evil and vicious. And the army found love with Tim. Female warriors under Mae Ying Bua who joined Sin’s forces. During that time, Khun Ram saw Sin as a spear beside a litter.

They went around plundering and committing crimes. Later, a plan was made to lure the assets to get rid of them. Along with the governor of Chanthaboon to seize the city of Chanthaboon as their own stronghold for occupying the land The decisive battle between Sin and Khun Ram began. with the city of Chanthaboon as a bet

The Dawn of the Kingdom (Siam Yuth) (2015)

Thap and Sin are homeless musician brothers who stumble upon a village that is being attacked by Khun Ram and is trying to stir up conflict in the Siamese kingdom. The army sought justice for the villagers and traveled to the city of Chanthaboon, which was in the residence of Mr. Ram. Then he meets his old lover, Angkhab.

who is Prince Chanthaboon’s concubine and also works under Khun Rams On the way to meet Prince Thap, he encountered enemies, but Bunma and Sin saved his life. The army decides to join Sin in the mission to take down Kurama. Meanwhile, Mr. Ram robs and destroys other villages and frames Sin. Khun Ram planned to overthrow Prince Chanthaboon and take control of the kingdom. Siam Yuth: The Dawn of the Kingdom But Thap and friends intending to stop his plans

I didn’t expect much from this story because the response was rather quiet and there was a problem in court regarding the actors’ fees being distorted by the director. It made me feel emotional when watching and prepare to shake my head at any time. Of course, it wasn’t until the opening episode that an unforgivable mistake was discovered. That is telling a story in which the sequence of images is astonishing and confusing to the utmost.

Even though you don’t have to show much surprise, if you don’t sit and watch or get up, you might be confused at the sudden change of scene and story like a lightning strike. The look of the first part of the movie is no different from ordinary Thai movies that still need to improve the storytelling to make it more understandable. Including the characters that will come, they will come without clairvoyance. Which just in the beginning of the movie makes the viewing direction start to feel uncomfortable. The worthiness to follow is becoming less and less.

When you see these errors before you stumble in the action part, it’s as if the story is being told gradually, but the action has to sell the fun. And I don’t know if it’s funny or fun to use a technique like in 300 (2006) where the person in the side camera angle zooms in and out rhythmically with slow motion, and people in the side camera view may be familiar with this scene. well, but the fighting method has changed from using a sword and shield to using bare hands to fight with the art of Muay Thai. However, I could feel that there must be something cool hidden.

Before getting into the story for understanding because I think many people who watch this story at the beginning of the movie will probably be confused for a while as to what era the story of Siam Yut happened and how it relates to history. Siam Yuth: The Dawn of the Kingdom As mentioned above, the first part of the movie was edited too quickly and lacked precision in interpreting the story. Until the question arises, which heroic act in Thai history is this based on?

With this uncertainty, it becomes both an advantage and a disadvantage because we don’t know what will happen next and are confused as to what exactly we will do. The storytelling takes a while to follow the plot because of the speed of not knowing how to think about what’s going on. But before we get into the story, the editing begins to fit together with all the characters.

The story takes place during a time when Thai people competed for excellence among themselves in order to become great in the land. The story focuses mainly on Chanthaburi because it is the era after the war with the Burmese after the second loss of Ayutthaya, with various cities trying to establish themselves as kings after the land was divided into factions. Therefore, there are small battles all the time due to division, unity and vying for supremacy among one another.

Therefore, Siam Yut is like telling a story between the middle of the divide and the differences that were not caused by other nations occupying them, but were their own nation in a situation where both sides sought their own benefits. Therefore, the theme of the story is to convey the unity of the Thai people. doomovie.win I want there to be unity. I want you to see the importance of the country and country where you can live and eat.

The rough plot is that Thap (Than Thanakorn), a wandering musician, meets with the murder of villagers at the hands of Khun Ram, who is ambitious to seize control of the land by blaming the warlord for breaking his army to Sin. (Kritsirawat Kaewmaneekanon) The army saw the injustice and wanted to restore justice to the villagers, so they traveled to Chanthaburi (or another name: Chanthaburi).