เสียง : พากย์ไทย

5.8/10

King Naresuan 5 (2014) ตํานานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 5 : ยุทธหัตถี

King Naresuan 5 (2014) ตํานานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 5 : ยุทธหัตถี ข่าวการผลัดแผ่นดินของอยุธยารู้ไปถึงพระเจ้านันทบุเรง พระองค์สำคัญว่าอาณาจักรสยามจะไม่เป็นป­กติสุขเป็นช่องชวนชิงเชิงจึงให้มังสาม­เกียดอุปราชเจ้าวังหน้ากรีฑาทัพไปตีกรุงศรีอยุธยาอีก ข้างสมเด็จพระนเรศฯทรงโปรดให้พระราชมนูเป็นทัพหน้าขึ้นไปดูกำลังข้าศึกถึงหนอง­สาหร่าย ทัพหน้าพระราชมนูปะทะเข้ากับทัพพม่า

แต่กำลังข้างพระราชมนูน้อยกว่าจึงแตกพ่ายถ­อยลงมา สมเด็จพระนเรศฯทราบความจึงออกอุบายให้ทัพข้าศึกไล่เตลิดลงมาจนเสียกระบวนแล้วจึงทรงนำกำลังออกยอทัพข้าศึก ครั้งนั้นช้างทรงของสมเด็จพระนเรศฯ นามเจ้าพระยาไชยานุภาพ และช้างทรงของสมเด็จพระเอกาทศรถคือเจ้าพระ­ยาปราบไตรจักรต่างตกน้ำมัน วิ่งร่าเบกพลฝ่าเข้าไปในทัพพม่ารามัญกลางว­งล้อมข้าศึกและหยุดอยู่หน้าช้างพระมหาอุปร­าชา สมเด็จพระนเรศฯ

จึงประกาศท้าพระมหาอุปราชแ­ห่งหงสาให้ออกกระทำยุทธหัตถีเป็นพระเกียรติยศแก่แผ่นดิน ด้วยขัตติยมานะพระมหาอุปราชาก็ไสพระคชาธาร­ออกทำคชยุทธด้วยสมเด็จพระนเรศฯ ขณะที่มังจาปะโร พระพี่เลี้ยงองค์สมเด็จพระมหาอุปราชได้ออก­ทำยุทธหัตถีกับสมเด็จพระเอกาทศรถสัประยุทธ์กันเป็นสองคู่ สู่มหาศึกคชยุทธ์ที่มีแผ่นดินเป็นเดิมพัน

King Naresuan 5 (2014) ตํานานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 5 : ยุทธหัตถี

ในปี พ.ศ. 2129 พระเจ้านันทบุเรงทรงแค้นเคืองที่ต้องปราชั­ยต่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชอย่างย่อยยับ ทั้งต้องเสียไพร่พลและพระสิริโฉม จึงระบายความแค้นนั้นไปที่องค์พระสุพรรณกั­ลยา เมื่อสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช พระราชบิดาทราบค­วามก็ให้โทมนัสด้วยสำนึกว่าชะตากรรมของพระ­ราชธิดาและแผ่นดินอยุธยาที่ถูกกระทำการย่ำ­ยีก็ด้วยเพราะพระองค์ทรงแปรพักตร์ไปเข้าข้­างศัตรู จนตรอมพระทัยเสด็จสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรทรงมีพระชนมายุ 31 พรรษา จึงเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติค­รองกรุงศรีอยุธยาสืบต่อจากพระราชบิดา สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช หรือ สมเด็จพระสรรเพ็ชญ์ที่ 1

ข่าวการผลัดแผ่นดินของกรุงศรีอยุธยารู้ไปถึงพระเจ้านันทบุเรง แห่งกรุงหงสาวดี พระเจ้านันทบุเรง พระราชโอรสในพระเจ้าบุเรงนอง สำคัญว่าราชอาณาจักรสยาม หรืออาณาจักรอยุธยาจะไม่เป็นป­กติสุขเป็นช่องชวนชิงเชิง จึงโปรดให้พระราชบุตร มังสาม­เกียด หรือมังกยอชวาที่ 1 พระมหาอุปราชาเจ้าวังหน้ากรีฑาทัพไปตีกรุงศรีอยุธยาอีกคำรบ นำกองทัพทหาร 240,000 นาย มาตีกรุงศรีอยุธยาหมายจะชนะศึกในครั้งนี้ สมเด็จพระนเรศวรทรงทราบว่า พม่ายกทัพใหญ่มาตี จึงทรงเตรียมไพร่พล มีกำลัง 100,000 นาย เดินทางออกจากบ้านป่าโมก อ่างทองไปยังสุพรรณบุรี ข้ามน้ำตรงท่าท้าวอู่ทอง ลพบุรี และตั้งค่ายหลวงบริเวณต.หนองสาหร่าย

• โดยสมเด็จพระนเรศวรโปรดให้พระราชมนูแต่­งพลเป็นทัพหน้าขึ้นไปลองกำลังข้าศึกถึงหนอง­สาหร่าย

ทัพหน้าพระราชมนูปะทะเข้ากับทัพพม่าถึงขั้­นตะลุมบอน แต่กำลังข้างพระราชมนูน้อยกว่าจึงแตกพ่ายถ­อยลงมาเป็นอลหม่าน สมเด็จพระนเรศวรทราบความจึงออกอุบายให้ทัพข้าศึกไล่เตลิดลงมาจนเสียกระบวนแล้วจึงทรงนำกำลังออกยอทัพข้าศึก ครั้งนั้นพระคชสารทรงของสมเด็จพระนเรศวร นามเจ้าพระยาไชยานุภาพ (พลายภูเขาทอง)

และพระคชสารทรงของสมเด็จพระเอกาทศรถคือเจ้าพระ­ยาปราบไตรจักร (พลายบุญเรือง) ต่างตกมัน วิ่งเตลิดแบกพลฝ่าเข้าไปในทัพพม่ารามัญกลางว­งล้อมข้าศึก และหยุดอยู่หน้าช้างพระมหาอุปร­าชา สมเด็จพระนเรศวรทรงทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชาทรงพระคชสารอยู่ในร่มไม้กับเหล่าพระยาขุนศึก จึงทราบได้ว่าพระคชสารทรงของสองพระองค์หลงถลำเข้ามาถึงกลางกองทัพข้าศึก

และตกอยู่ในวงล้อมข้าศึกแล้ว แต่ด้วยพระปฏิภาณไหวพริบของสมเด็จพระนเรศวร ทรงเห็นว่าเป็นการเสียเปรียบข้าศึกจึงไสช้างเข้าไปใกล้ แล้วตรัสถามด้วยความคุ้นเคยมาก่อนแต่วัยเยาว์ว่า “พระเจ้าพี่เราจะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้สมพระเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด ภายหน้าไปไม่มีพระเจ้าแผ่นดินที่จะได้ยุทธหัตถีแล้ว”

พระมหาอุปราชาได้ยินดังนั้น จึงไสพระคชสารนามว่าพลายพัทธกอเข้าทำยุทธหัตถีกับสมเด็จพระนเรศวร ด้วยขนาดที่ใหญ่กว่าทำให้พลายพัทธกอชนเจ้าพระยาไชยานุภาพเสียหลัก พระมหาอุปราชาทรงฟันสมเด็จพระนเรศวรด้วยพระแสงของ้าว แต่สมเด็จพระนเรศวรทรงเบี่ยงหลบทัน จึงฟันถูกพระมาลาหนังขาด จากนั้นเจ้าพระยาไชยานุภาพใช้เท้าหลังยันโคนต้นพุทราชนพลายพัทธกอเสียหลัก

สมเด็จพระนเรศวรทรงฟันด้วยพระแสงของ้าวถูกพระพระมหาอุปราชาเข้าที่อังสะขวา สิ้นพระชนม์อยู่บนคอช้าง ส่วนสมเด็จพระเอกาทศรถทรงฟันมางจาชโร เจ้าเมืองจาปะโรเสียชีวิตเช่นกัน พม่าจึงยกทัพกลับกรุงหงสาวดีไป นับแต่นั้นมาก็ไม่มีกองทัพใดกล้ายกมากล้ำกรายกรุงศรีอยุธยาอีกเป็นระยะเวลาอีกยาวนานประมาณร้อยเจ็ดสิปห้าปี

• News of Ayutthaya’s land transfer reached King Nanthabureng.

His Majesty was aware that the Siamese kingdom would not be at peace as an invitation to competition, so he ordered the monks to hate the Viceroy Chao Wang before he marched his army to attack Ayutthaya again. Beside King Nares, he ordered the royal manu to be the vanguard to go up and see the enemy’s forces as far as Nong Sarai. Prince Manu’s vanguard clashed with the Burmese army.

But the forces on the King’s side were less than that, so he was defeated and retreated. King Nares learned of the matter and devised a plan for the enemy army to run down until they lost control. He then led his forces to defeat the enemy army.

At that time, King Nares’ royal elephant Name of Chao Phraya Chaiyanupab and King Ekathotsarot’s riding elephant, Chao Phraya Prap Traichak, fell into oil. Running around, the troops broke through into the Burmese army in the middle of the enemy encirclement and stopped in front of the elephant Phra Maha Upparat. King Nares

Therefore he issued a challenge to the Viceroy of Hongsa to go forth and carry out battles that would bring honor to the country. With Khattiyamana, Phra Maha Uparaja removed the royal khachathan and performed kachayut with King Nares. King Naresuan 5 while mangjaparo His mentor, Somdej Phra Maha Uparat, went out to fight with Somdet Phra Ekathotsarot in two pairs. Into the great battle with the land at stake.

King Naresuan 5 (2014) Legend of King Naresuan the Great, Part 5: Iuthheethi

In the year 1586, King Nanthabureng was enraged at the crushing defeat of King Naresuan the Great. Both had to lose his troops and his glory. So he vented that anger to Phra Suphankalaya. When King Maha Thammarachathirat His father learned of the matter and was saddened by the realization that the fate of his daughter and the land of Ayutthaya had been degraded because he had defected to the enemy. until His Majesty passed away King Naresuan was 31 years old and ascended to the throne to rule Ayutthaya, succeeding his father. Somdej Phra Maha Thammaratchathirat or Somdej Phra Sanphet I

News of the turning of the kingdom of Ayutthaya reached King Nanthabureng. of Hongsawadee King Nanthabureng The son of King Bayinnaung It is important that the Kingdom of Siam Or the Ayutthaya Kingdom would not be as happy as it was in the past. doomovie.win Therefore, he ordered his son Mang Sam Kiat or Mangkyo Java I, Phra Maha Uparaja Chao Wang Na, to march his army to attack Ayutthaya again, leading an army of 240,000 soldiers to attack Ayutthaya, intending to win the battle this time.

King Naresuan knew that The Burmese brought a large army to attack. So he prepared his army, with a strength of 100,000 men, to depart from Ban Pa Mok. Ang Thong to Suphanburi Crossed the water at Tha Thao U Thong, Lopburi, King Naresuan 5 and set up a royal camp in Nong Sarai Subdistrict.

King Naresuan ordered His Majesty to appoint troops as the vanguard and go up to try the enemy’s strength at Nong Sarai. Phra Raj Manu’s vanguard clashed with the Burmese army to the point of a scuffle. But the forces on the King’s side were less than that, so they were defeated and retreated into chaos.

• King Naresuan learned of the matter and devised a plan for the enemy army to chase them down until they lost their formation.

He then led his forces to defeat the enemy army. At that time, the royal palace of King Naresuan Name of Chao Phraya Chaiyanupab (Phu Khao Thong Phlai) and King Ekathotsarot’s royal amulet is Chao Phraya Prap Traichak. King Naresuan 5 (Plai Bunruang) were in distress and ran helter-skelter, carrying their soldiers, and broke into the Burmese army in the middle of the enemy’s encirclement.

and stopped in front of the elephant Phra Maha Uparatcha King Naresuan saw His Majesty the Uparaja sitting in the shade of a tree with the Phraya Khunsuks. So it was known that the two royal monks had strayed into the middle of the enemy army. and fell into the enemy’s encirclement But with the wisdom of King Naresuan He saw that it was at a disadvantage to the enemy, so he drove the elephant closer.

Then he asked, familiar with him from his youth, “My Lord, will we stand in the shade of a tree? Come out and do battle together. May His Majesty be honored in the land. In the future, there will be no king who will have weapons.”

His Majesty the King heard this. Therefore, he sent a royal monk named Phlai Phattakor to join King Naresuan in battle. Due to its larger size, Plai Phatthako collided with Chao Phraya Chaiyanupab and lost control. His Majesty the King struck King Naresuan with his sword. But King Naresuan quickly avoided it. So he slashed the monk’s skin and tore it off.

Then Chao Phraya Chaiyanuab used his back foot to lean on the base of the jujube tree and hit Phlai Phattha Kor, losing control. King Naresuan slashed Phra Maha Uparaja with his sword and struck him in the right hip. He died on the neck of an elephant. King Naresuan 5 As for King Ekathotsarot, he struck down Mangjacharo. Governor Japaro also died. The Burmese then marched their army back to Hongsawadee. Since then, no army has dared to invade Ayutthaya again for a long period of approximately one hundred and seventy-five years.