เรื่องล่าสุด
Doraemon The Movie (1982) โดราเอมอน ตอน ตะลุยแดนมหัศจรรย์
Doraemon The Movie (1982) โดราเอมอน ตอน ตะลุยแดนมหัศจรรย์
Doraemon The Movie (1982) เรื่องย่อ : เป็นตอนที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ เปโกะ ลูกสุนักจรจัดหลงทาง ที่โนบิตะบังเอิญพบเข้าและเก็บเอามาเลี้ยง เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ทำให้ทุก ๆ คนอยากออกผจญภัย
โดราเอมอนจึงพาทุกคนไปยังป่าลึกลับแถบแอฟรกาชื่อป่าเฮฟวีสโมคเกอร์ แต่ระหว่างทางกลับเจออุปสรรคมากมาย ทำให้ไจแอนท์หวาดกลัว จนไม่อยากเดินทางอีกแล้ว แต่ทว่าในคืนนั้น กลับมีเทวรูปศักดิ์สิทธิ์มาบอกไจแอนท์ว่ามสมบัติรออยู่และให้แผนที่
ทำให้ไจแอนท์บังคับให้ทุกคนเดินทางไปกันอี กครั้ง แต่เมื่อถึงที่หมาย กลับไม่เป็นเช่นอย่างที่ฝัน เปโกะกลับพูดได้และบอกว่าตัวเองเป็นรัชทาย เจ้าชายตุงตัง
ทายาทองค์ที่ 108 แห่งราชวงศ์บาวังโก และขอความช่วยเหลือโดราเอมอนให้ช่วยปราบ ดาบูรันด้า เพื่อทวงบัลลังก์คืน พร้อมกับปริศนาคำทำนาย คนต่างถิ่นทั้ง 10 คน Doraemon The Movie (1982) ภาพยนตร์ชุดนี้เป็นตอนที่ 3 ของโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์
เป็นตอนที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ เปโกะ ลูกสุนักจรจัดหลงทาง ที่โนบิตะบังเอิญพบเข้าและเก็บเอามาเลี้ยง เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ทำให้ทุก ๆ คนอยากออกผจญภัย โดราเอมอนจึงพาทุกคนไปยังป่าลึกลับแถบแอฟริกาชื่อป่าเฮฟวีสโมคเกอร์ แต่ระหว่างทางกลับ
เจออุปสรรคมากมาย ทำให้ไจแอนท์หวาดกลัว จนไม่อยากเดินทางอีกแล้วแต่ทว่าในคืนนั้น
กลับมีเทวรูปศักดิ์สิทธิ์มาบอกไจแอนท์ว่ามีสมบัติรออยู่และให้แผนที่ ทำให้ไจแอนท์บังคับให้ทุกคนเดินทางไปกันอีกครั้ง แต่เมื่อถึงที่หมาย กลับไม่เป็นเช่นอย่างที่ฝัน
เปโกะกลับพูดได้และบอกว่าตัวเองเป็นรัชทายาท เจ้าชายตุงตัง ทายาทองค์ที่ 108 แห่งราชวงศ์บาวังโก และขอความช่วยเหลือโดราเอมอนให้ช่วยปราบ ดาบูรันด้า เพื่อทวงบัลลังก์คืน พร้อมกับปริศนาคำทำนาย คนต่างถิ่นทั้ง 10 คน“บุกดินแดนมหัศจรรย์”
เป็นผลงานการ์ตูนเรื่องที่สามในซีรี่ส์โดราเอมอนเรื่องยาวพิเศษ และถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นด้วย ฉากของเรื่องนี้คือ ดินแดนมหัศจรรย์ที่อยู่เข้าไปในป่าลึกของแอฟริกาในโลกยุคปัจจุบัน เพื่อไขความลับของเทวรูปยักษ์ โดราเอมอน และผองเพื่อนจึงออกเดินทางสู่การผจญภัยครั้งใหญ่ ทว่าครั้งนี้
แตกต่างจากทุกครั้ง เพราะพวกเขาจะพยายามไม่พึ่งพาอุปกรณ์วิเศษ
แต่จะพยายามไขปริศนาด้วยตัวเองเปิดเรื่องโดยในคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก มีสุนัขตัวหนึ่งซึ่งหลงทางมา แต่มันไม่ใช่สุนัขธรรมดาเพราะว่าสามารถเรียกสายฟ้าให้สุนัขตัวอื่นสยบได้ วันต่อมา
ไจแอนท์และซึเนะโอะต้องการสำรวจดินแดนลึกลับที่ยังไม่เจอบนโลกโดยมอบหมายให้โนบิตะไปขอร้องโดราเอมอนให้ช่วย โดราเอมอนไม่ยอมเพราะทั่วโลกถูกสำรวจไปหมดแล้ว
โนบิตะตื๊อเขาตลอดจนไปเจอเหรียญ 100 เยนที่ทำตกเมื่อปีที่แล้ว โนบิตะจึงบอกกับเขาว่าถ้าตั้งใจหามันก็ยังคงจะมีอยู่ โดราเอมอนเลยใช้ดาวเทียมส่วนบุคคลเพื่อถ่ายภาพบนโลก Doraemon The Movie (1982) โดยโนบิตะมีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะหาสถานที่ลึกลับในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน
โดราเอมอนเลยจะช่วยอีกแรงโดยที่โฟกัสลงไปที่ทวีปแอฟริกา จากนั้นคุณแม่วานโนบิตะให้ไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ระหว่างทางเขาเจอสุนัขจรจัดที่ดูไฮโซมาก หลังจาก
ที่เขาซื้อของเสร็จแล้วเลยซื้อไส้กรอกอีกแท่งเพื่อที่จะให้สุนัขตัวนั้น
หลังจากที่โนบิตะเอาไส้กรอกให้สุนัขแล้วก็กลับมาที่บ้านเพื่อดูภาพถ่ายดาวเทียมต่อ แต่จากนั้นสุนัขตัวนี้ก็มาหาที่บ้านอีก ต่อมาคุณแม่แสดงอาการโมโหมาก โนบิตะเลยตั้งใจจะเอาสุนัขไปปล่อย แต่คุณแม่ไม่รู้เรื่องเรื่องนั้นเพราะทำกระเป๋าหาย
ซึ่งมีของสำคัญอยู่ในนั้นด้วย เมื่อสืบเรื่องไปเรื่อย ๆ สุดท้ายสุนัขที่ตามโนบิตะมาก็เจอกระเป๋า โนบิตะจึงขออนุญาตเลี้ยงสุนัขตัวนี้ โดยคุณแม่อนุญาต โนบิตะดีใจมากที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้อย่างเปิดเผย เขาตั้งชื่อมันว่า “เปโกะ” เพราะว่าหิวมาตลอด พอคุณพ่อมาเห็นก็แปลกใจว่าคุณแม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ คุณแม่บอกว่าไม่สามารถทิ้งหมาจรจัดที่น่ารักอย่างนี้ได้ คุณพ่อจึงโอเคด้วย
คืนนั้นโนบิตะฝันว่าพาทุกคนไปยังดินแดนลึกลับโดยล่องไปตามแม่น้ำ ต่อมาเรือได้อัปางลงแต่ก็ได้รับความช่วยเหลือจากหุ่นยนต์ไดโนเสาร์ทของแอฟริกาแลนด์ แล้วมันก็พาไปยังสวนสนุกที่ว่า
ไจแอนท์และซึเนะโอะโมโหที่โนบิตะหลอกพามายังดินแดนลึกลับ
และไดโนเสาร์หุ่นยนต์อีกตัวบอกว่า “ดินแดนลึกลับมันไม่มีแล้ว” โนบิตะสะดุ้งตื่นขึ้นมาและคิดว่าอาจจะไม่มีแดนลึกลับอยู่จริง จากนั้นก็เล่นกับเปโกะเล็กน้อยแล้วก็นอนต่อไป
เช้าวันต่อมาเปโกะทำกิจวัตรของตัวเองราวกับมนุษย์ ก่อนกินต้องล้างมือก่อน และไม่กินมูมมาม (ซึ่งโนบิตะและโดราเอมอนต้องเอาเป็นเยี่ยงอย่าง) เมื่อกินเสร็จแล้วก็กลับขึ้นไปบนห้องเพื่อดูภาพดาวเทียมต่อ โดยการจะถ่ายภาพดาวเทียมทั่วทวีปแอฟริกาต้องถ่ายรูปประมาณ 9 ล้าน 3 แสนใบ
โนบิตะซ็อกและสลบไปครึ่งวัน โดราเอมอนเลยต้องหยุดการส่งภาพชั่วคราว เย็นนั้นเมื่อโนบิตะตื่นขึ้นมาและกลับเข้าห้องก็พบว่ารูปภาพท่วมห้องไปหมดเพราะเปโกะกดให้ส่งรูปต่อ
และพบกับภาพถ่ายเทวรูปยักษ์กลางป่า โดราเอมอนและโนบิตะเลยลองเอารูปไปถามเดคิสุงิ เขาบอกว่าอยู่ในป่าเฮฟวี่สโมคเกอร์ ซึ่งถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบตลอดทั้งปี ทำให้ยังไม่ถูกค้นพบ แต่ดาวเทียมของโดราเอมอนสามารถถ่ายภาพทะลุหมอกได้
เริ่มการผจญภัยวันต่อมาโดราเอมอนและเพื่อน ๆ รวมตัวกันไปยังดินแดนลึกลับนี้
โดยใช้ประตูไปที่ไหนก็ได้ไปยัง 100 กิโลเมตรก่อนเป้าหมาย เมื่อมาถึงแล้วทุกคนเล่นกันในป่าและน้ำตกในบริเวณใกล้ ๆ ก่อนออกเดินทางต่อไป ระหว่างการเดินทางโนบิตะนึกขึ้นได้ว่าลืมซ่อนผลสอบ 0 คะแนนเอาไว้เลยต้องกลับไปที่บ้านเพื่อซ่อนผลสอบ ซึเนะโอะลืมจองเวลาเรียนภาษาฝรั่งเศส Doraemon The Movie (1982) จึงต้องกลับไปจองเวลา
ต่อมาชิซุกะขอกลับไปเข้าห้องน้ำที่บ้าน ทำให้ไจแอนท์โมโหมากที่ทุกคนต้องกลับบ้านกลางคัน ทำให้เสียอารมณ์การผจญภัย แต่เมื่อชิซุกะกลับมา เธอบอกไจแอนท์ว่าแม่ของเขากำลังโมโหจัดจึงต้องขอกลับไปที่บ้าน โนบิตะกับซึเนะโอะเลยย้อนเขาว่ามีนักผจญภัยต้องกลับไปหาแม่ด้วย ทุกคนรออยู่นานจนไจแอนท์กลับมาในสภาพสะบักสะบอมจึงได้เดินทางต่อไป
จากนั้นทุกคนแวะกินข้าวโดยโดราเอมอนใช้โทรศัพท์สั่งของ แต่ไจแอนท์สั่ง
ห้ามไม่ให้ใช้เพราะมันทำลายบรรยากาศ โดราเอมอนเลยใช้ยาสกัดดัดแปลงพืชเพื่อให้ต้นไม้ออกผลเป็นอาหารและสร้างที่พักกินข้าวบนยอดต้นไม้ ระหว่างที่ทุกคนกำลังกินข้าว เปโกะเห่าไปทางภูเขาที่มีหมอกปกคลุมไปทั่ว
ซึ่งเป็นที่ที่ทุกคนกำลังจะไปพิชิต หลังจากที่กินกันเสร็จแล้วไจแอนท์อยากให้มีสัตว์ดุร้ายเข้ามาเพื่อความตื่นเต้น โดราเอมอนเลยใส่ผ้าคลุมเรียกสัตว์ร้ายไว้ที่หลังของไจแอนท์เพื่อล่อสัตว์ดุร้ายให้เข้ามา ไจแอนท์ถูกสัตว์ทั้งหลายเล่นงานแต่ทุกคนสามารถช่วยออกมาได้
เมื่อเย็นพวกเขากลับบ้านเพื่อเอาแรงในการผจญภัยในวันต่อไป ไจแอนท์บอกว่าเขาไม่ผจญภัยแล้ว คืนนั้นไจแอนท์เห็นโฮโลแกรมเทวรูปเบาวังโกโดยโฮโลแกรมปลุกใจให้เขาไปผจญภัยต่อและมอบแผนที่การเดินทางไปยังเบาวังโกตามรอยเบาวังโกวันต่อมาไจแอนท์นำทีมสำรวจดินแดนลึกลับและเอา
คอปเตอร์ไม้ไผ่ ขนมดังโกะตราโมโมทาโร่ ไฟฉายย่อส่วน ปืนช็อค
และ ปืนใหญ่อัดอากาศ ทิ้งไว้ที่ท่อดิน แล้วก็ออกเดินทางโดยล่องเรือไปตามแม่น้ำเพื่อไปยังน้ำตกเทะมุโดยที่เปโกะเป็นผู้นำทางส่วนซึเนะโอะเป็นคนขับเรือ ต่อมาไจแอนท์ขอขับเรือแต่ซึเนะโอะไม่เชื่อใจว่าเขาจะขับได้เลยไม่ให้ แต่ไจแอนท์ก็ใช้กำลังเพราะจะขับเอง ที่ลานว่าง
ลุงคามินาริเห็นขยะกองเต็มลานว่าง รวมถึงประตูไปที่ไหนก็ได้ของโดราเอมอนด้วย เลยจัดการกับของทั้งหมด ฝั่งโดราเอมอนและเพื่อน ๆ พบจระเข้ในแม่น้ำเต็มไปหมด
ไจแอนท์เลยปาชามข้าวใส่มัน แต่ลืมพวงมาลัยเลยทำให้เรืออัปปางลง ของวิเศษที่มีประโยชน์ก็ทิ้งไว้ที่ลานว่างทั้งหมด ส่วนประตูไปที่ไหนก็ได้ก็ถูกลุงคามินาริสับไปเป็นไม้แปรรูปเหลือแค่ลูกบิด แต่โชคดีที่ได้รับการช่วยเหลือจากชนเผ่าแถวนั้นเลยทำให้รอดมาได้
คืนนั้นพวกเขาได้รับเชิญจากชนพื้นเมืองไปเลี้ยงฉลองเนื่องในโอกาสฉลองเทวรูปศักดิ์สิทธิ์
แต่เนื่องจากพวกเขาฟังภาษาพื้นเมืองไม่รู้เรื่องโดราเอมอนเลยกินวุ้นแปลภาษาซึ่งมีสำหรับเขาคนเดียว ในหมู่บ้านนับถือเทพเจ้าเบาวังโกจึงมีรูปปั้นเทพเจ้าเบาวังโกเต็มไปหมด จากนั้นหัวหน้าชนเผ่า
ได้บอกโดราเอมอนว่าการที่จะได้พบเทพเจ้าเบาวังโกต้องมี 3 ชีวิต โดยเมื่อข้ามน้ำตกเทะมุไปจะพบกับทุ่งหญ้าสะวันน่าที่มีสิงโต 7 เท่าของ 7 เท่าของ 7 ตัว ซึ่งจะต้องสละชีวิตแรกที่นี่ ต่อมาคือหุบเขาโอโดรอนโดโร่ที่ปีนไม่ได้ และข้างใต้มีวิญญาณ จึงต้องสละอีกชีวิตที่นี่ เมื่อข้ามหุบเขามาได้จะพบกับดินแดนเทพเจ้าที่มีหมอกปกคลุมอยู่ตลอด
ซึ่งเมื่อเข้าไปแล้วจะกลับออกมาไม่ได้และต้องสละชีวิตที่สามไป Doraemon The Movie (1982) ไจแอนท์บอกว่าไม่เชื่อเรื่องนี้เพราะจะต้องหาดินแดนลึกลับให้เจอ สุดท้ายพวกเขาก็ถูกไล่ออกจากหมู่บ้านเพราะถ้าอยู่ต่อไปชาวบ้านเชื่อว่าพระเจ้าจะพิโรธและหมู่บ้านจะมีอันเป็นไป พวกเขาจึงต้องนอนกลางป่า
โดยใช้หมวกของโดราเอมอนทำเป็นที่พัก ไจแอนท์เสียกำลังใจ
มากเพราะถูกทุกคนมองว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเขาไม่ว่าจะพามาผจญภัยด้วยกัน ทิ้งของวิเศษมีประโยชน์เอาไว้ ทำเรืออัปปาง และถูกไล่ออกจากหมู่บ้าน แล้วเขาก็เข้าห้องไปนอน แต่ต่อมาก็ได้เปโกะมาคอยปลอบใจ
วันต่อมาหลังจากที่ทุกคนข้ามน้ำตกเทะมุมาแล้ว พวกเขาเดินทางในสะวันน่า โดยพวกเขาสามารถเดินได้อย่างปลอดภัย จนขึ้นไปถึงโขดหิน ที่ติดกับลำธารก็พบกับช้างโขลงใหญ่
แต่ต่อมาก็หนีไปเพราะสิงโตปรากฏตัวขึ้น โนบิตะ ชิซุกะ และซึเนะโอะเป็นลมหมดสติไปหมดเพราะไม่มีทางที่จะสู้กับสิงโตได้เพราะอาวุธไม่มีเลยสักอย่าง ต่อมาเปโกะวิ่งฝ่าฝูงสิงโตออกไปและก็มีโฮโลแกรมเทวรูปเบาวังโก
ปรากฏตัวเพื่อใช้สายฟ้าผ่าลงตัวสิงโตทำให้พวกมันแตกกระเจิงไป โฮโลแกรมบอกทุกคนว่าประตูทางเข้าราชอาณาจักรได้เปิดขึ้นแล้ว จงเดินต่อไปอย่าท้อถอย
เมื่อโฮโลแกรมหายไปเปโกะก็กลับมา โนบิตะสังเกตได้ว่าหน้าของเปโกะเหมือนเทวรูปเปี๊ยบ จากนั้นพวกเขาเดินทางต่อไป วันต่อมาพวกเขาพบกับภูเขาสูงชันและมีหิมะปกคลุม โดราเอมอนเลยใช้ เชือกรถไฟเพื่อข้ามภูเขาไป จากนั้นก็มาถึงหุบเขาโอโดรอนโดโร่ที่ลึกมากและมีหมอกปกคลุมเต็มไปหมด
นั่นหมายความว่ามาถึงป่าเฮฟวี่สโมคเกอร์เรียบร้อยแล้ว และเนื่องจากไม่สามารถข้ามไปไหนได้จึงต้องใช้ลิฟต์ทันใจลงไปยังก้นหุบเขาเท่านั้น โดยไจแอนท์ลงไปก่อน
แต่โชคร้ายที่หน้าผาที่ยึดลิฟต์ถล่มทำให้ลิฟต์ตกลงไปข้างล่าง
ไจแอนท์ติดอยู่บนหน้าผาที่ปีนไม่ได้เลย โดราเอมอนนึกขึ้นได้เลยใช้สีแรงโน้มถ่วงทาบนหน้าผาเพื่อเดินลงไปยังก้นหุบเขา ข้างใต้หุบเขาว่ากันว่าเป็นดินแดนแห่งวิญญาณ จากนั้นก็พบวิญญาณเรืองแสงซึ่งมันก็เป็นแค่แบคทีเรียเรืองแสง
และซึเนะโอะก็พบความจริงว่าแถวนี้เป็นเขตภูเขาไฟ ทำให้มีไอน้ำพุ่งออกมาจากใต้ดิน และเสียงก็เกิดจากไอน้ำที่ออกมาจากรูหิน ซึ่งเป็นหลักการเดียวกันกับการเป่าขลุ่ย จากนั้นเปโกะเปิดเผยตัวเองว่าเป็นโอรสของเบาวังโกที่ 108 เจ้าชายคุนทัก โดยที่เขามีเหตุผลที่ต้องไปญี่ปุ่น
แต่สามารถกลับมาได้เพราะโนบิตะและเพื่อน ๆ ซึ่งโฮโลแกรมนั้นก็มาจากสร้อยของเขานั่นเอง จากนั้นเขาพาทุกคนไปยังอาณาจักรเบาวังโกโดยผ่านเส้นทางใต้ดิน โนบิตะตะลึงว่ามีอาณาจักรของสุนัข ส่วนเปโกะก็ตะลึงว่ามีมนุษย์อยู่ด้วยเนื่องจากเขาเป็นคนแรกที่ออกไปจากอาณาจักรได้
ซึ่งอาณาจักรของสุนัขเกิดมาจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก
ทำให้แผ่นดินถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ทำให้สุนัขมีวิวัฒนาการมาจนถึงบัดนี้ เมื่อสิ้นสุดทางเดินแล้วโดราเอมอนเอาเรือทวน
น้ำออกมาเพื่อให้สามารถเดินทางต่อไปยังทะเลสาบในอาณาจักรได้อาณาจักรเบาวังโกเมื่อมาถึงอาณาจักรพวกเขาพบกับลูกสมุนของดาบุรันด้า Doraemon The Movie (1982) ซึ่งเป็นรัฐมนตรีที่ชิงบัลลังก์ของพระราชาพระองค์เก่า (เปโกะมีถานันดรศักดิ์เป็นเจ้าชาย ดังนั้นพระราชาเป็นพ่อของเปโกะนั่นเอง)
จากนั้นพวกเขาไปที่คฤหาสน์ของบลูซุส แต่ก็ไม่มีใครอยู่เลย ทุกคนสงสัยถึงความผิดปกตินี้ เปโกะจึงเล่าให้ฟังว่าเป็นเพราะเบาวังโกเคยเจริญรุ่งเรืองนำโลกภายนอกมาแล้วเมื่อห้าพันปีก่อน และสามารถผลิตอาวุธทำลายล้างได้แล้ว
แต่กษัตริย์เบาวังโกเห็นว่าการพัฒนาอาวุธแบบไม่สิ้นสุดทำให้โลกถึงคราวพินาศได้จึงทรงสั่งห้ามการทดลองและวิจัยอาวุธ แล้วสร้างเทวรูปยักษ์ช่วยปกป้องอาณาจักรแทน
จากนั้นมาวิทยาการเรื่องอาวุธถูกแช่แข็งมาห้าพันปีแต่สามารถสร้างความสันติสุขได้ อยู่มาวันหนึ่ง ดาบุรันด้าที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมีความคิดมักใหญ่ใฝ่สูงต้องการที่จะยึดครองโลกภายนอกมาเป็นของตนโดยมีดอกเตอร์คอสเป็นผู้ทำการวิจัยให้ ซึ่งพระราชาไม่เห็นด้วยกับแผนการนี้
อย่างแน่นอน เขาจึงวางแผนเอาวันที่คุนทัก (เปโกะ) และเจ้าหญิงสเปียน่าจะอภิเษกกัน
สังหารพระราชาและเจ้าชายคุนทักเพื่อกำจัดก้างขวางคอ เมื่อเขาได้ยินเสียงผิดปกติจากในปราสาทก็มาพบว่าพระราชาถูกลอบปลงพระชนม์โดยดาบุรันด้า จากนั้นเขาถูกไล่ล่าเพื่อจะเอามาประหาร
และดวลดาบกับขุนพลเซเบอร์ แต่ก็เสียท่าตกทะเลสาบไปและเนื่องจากทะเลสาบเชื่อมต่อกับโลกภายนอก เขาถูกพัดมาถึงปากแม่น้ำคองโกและถูกรับเลี้ยงโดยกะลาสีชาวญี่ปุ่น เมื่อมาถึงเขาประพฤติตัวเยี่ยงสุนัขทั่วไปจนได้มาพบกับโนบิตะ เนื่องจากถ้าไม่กำจัดดาบุรันด้า อาณาจักรจะไม่มีอนาคต เปโกะจึงขอร้องให้ทุกคนช่วยเหลือเขา
ต่อมาทหารของดาบุรันด้าไล่ตามลูกสุนัขตัวหนึ่งจนมาถึงคฤหาสน์ของบลูซุส เปโกะมาเห็นเข้าจึงดวลดาบกับทั้งสอง พวกเขาเสียท่าและเมื่อพบว่าเป็นเจ้าชายคุนทักก็หลบหนีไป ลูกสุนัขชื่อจิปโปะได้เล่าว่าทั้งหมู่บ้านโดนดาบุรันด้าเกณฑ์ไปใช้แรงงานสร้างอาวุธ จากนั้นทุกคนยินดีช่วยเหลือเปโกะเพื่อนำความสงบสุขของอาณาจักร
ฝั่งดาบุรันด้าและดอกเตอร์คอส ได้เกณฑ์คนทั้งประเทศมาสร้างอาวุธเพื่อใช้ในการสงครามยึดตรองโลกเพื่อให้ดาบุรันด้าเป็นราชาของโลก ต่อมาทหารทั้งนาย (บูลเทอรี่ และ เบอร์นาด ที่ดวลดาบกับเจ้าชายคุนทักเมื่อสักครู่) เข้ามารายงานดาบุรันด้าว่าคุนทักกลับมาแล้วและมีลิง 4 ตัว
กับทานุกิ 1 ตัวมาด้วย จากนั้นดาบุรันด้าสั่งให้ไปตามหาทั่วทั้งเมือง โดยดอกเตอร์คอสแนะนำให้ส่งขุนพลเซเบอร์ไปตามหา ต่อมาเซเบอร์สวนกับรถขนฟางของจิปโปะ เมื่อค้นแล้วก็พบมันแค่ 6 หัวเลยไม่สนใจ เมื่อผ่านไปแล้วฤทธิ์ของเครื่องดื่มแปลงร่าง
ก็หมดฤทธิ์ทำให้พวกเขาแปลงร่างจากมันกลับเป็นเหมือนเดิม เมื่อเซเบอร์และเหล่าทหารไปถึงคฤหาสน์ของบลูซุสก็พบร่องรอยการต่อสู้ ซึ่งเป็นหลักฐานว่าเจ้าชายคุนทักได้มาที่นี่แน่นอน
จึงสั่งให้เหล่าทหารค้นหาเจ้าชายและพรรคพวกทั่วอาณาจักร
ทางโดราเอมอนและเพื่อน ๆ รวมถึงเปโกะ (เจ้าชายคุนทัก) เข้าไปยังคุกของอาณาจักรเพื่อพาบลูซุสที่ถูกจับออกมา เมื่อทหารรู้ตัวเข้าก็ส่งสัญญาณเตือนภัยให้ไล่ล่าโดราเอมอนและเพื่อน ๆ แต่พวกเขาหนีไปได้และซ่อนตัวที่ไหนสักแห่ง
ที่พระราชวัง เจ้าหญิงสเปียน่าถูกกักบริเวณไว้ ได้รับข่าวว่าเจ้าชายคุนทักกลับมาแล้ว ว่าแล้วดาบุรันด้าหาว่านั่นเป็นตัวปลอมและกำลังตามจับตัวเพื่อประหาร และจะเอาสเปียน่ามาเป็นภรรยาของตน
แต่เจ้าหญิงไม่ยอมเพราะยังไงคุนทักก็ไม่มีทางถูกคนอย่างดาบุรันด้าจับตัวไว้ ดาบุรันด้าเลยฝากไว้ว่าพรุ่งนี้เช้ารอรับหัวของเจ้าชายได้เลย ต่อมาบูลเทอรี่และเบอร์นาดประกาศจับเจ้าชายและพรรคพวก (ลิง 4 ตัวกับทานุกิ 1 ตัว) โดยใครให้ที่ซ่อนมีโทษประหาร แต่ถ้าบอกที่ซ่อนจะได้รางวัล Doraemon The Movie (1982) แต่จากนั้นชาวบ้านหายไป
หมดเลยเพราะไม่มีใครชอบดาบุรันด้าเลย โดราเอมอนออกมาจากบ้านสุนัขวอลเปเปอร์ซึ่งเป็นที่ซ่อนอยู่ข้าง ๆ ป้ายประกาศจับและโมโหที่พวกทหารบอกว่าเขาเป็นทานุกิ บลูซุสถามเปโกะว่าโดราเอมอนและพวกเป็นใคร เมื่อรู้คำตอบแล้วก็ดีใจมากเพราะว่ามีคำทำนายที่ว่า
“เมื่อบ้านเมืองเกิดความโกลาหล คนต่างถิ่นสิบคนจะมาขยับหัวใจของเทพยักษ์” แต่ว่าคนต่างถิ่นตอนนี้มีแค่ 5 คน เลยยังหาคำตอบไม่ได้ และบลูซุสบอกอีกว่าเทวรูปยักษ์อาจจะมีโพรงให้เข้าไปได้
จากนั้น จิปโปะร้องโหยหวนด้วยความหิว ทุกคนจึงนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว โดราเอมอนเลยใช้เครื่องรับสัญญาล่วงหน้าเพื่อจะได้กินข้าวโดยสัญญาเอาไว้ว่าพรุ่งนี้จะได้กินข้าว (ซึ่งพรุ่งนี้ต้องกินชดเชยด้วย) เมื่อทุกคนอิ่มแล้วชิซุกะขอของวิเศษ
นี้เพื่อจะอาบน้ำ จากนั้นทุกคนเข้านอนกันเว้นแค่เปโกะที่ออกไปข้างนอก
ต่อมาโนบิตะจะออกไปข้างนอกเพื่อไปเข้าห้องน้ำก็พบว่าเปโกะกำลังซ้อมฟันดาบอยู่ (ก่อนหน้านั้นเปโกะถามบลูซุสเกี่ยวกับเรื่องเจ้าหญิงสเปียน่าว่าปลอดภัยดีไหม) เปโกะมีความในใจที่อึดอัดใจอยู่มากเพราะปัญหาต่าง ๆ
ที่ถาถมเข้ามาใส่ตัวเขาจึงถามโนบิตะว่าเขาเหมาะสมแล้วหรือยังที่จะเป็นกษัตริย์ ทั้ง ๆ ที่ยังยืดติดกับเรื่องเดิม ๆ โนบิตะเลยเล่าว่าเขาก็ไม่เอาถ่านอะไรสักอย่างแต่ก็เคยสอบได้ 100 คะแนนเต็มครั้งหนึ่ง และเคยตีโฮมรันตอนเล่นเบสบอลด้วย แม้ว่าปกติจะรับลูกตีลูกไม่ได้เลยก็ตาม โนบิตะจึงให้ความเชื่อมั่นว่าเปโกะจะต้องเป็นกษัตริย์ที่ดีอย่างแน่นอนขยับหัวใจเทวรูปยักษ์
ทางฝั่งดาบุรันด้าและดอกเตอร์คอส ดาบุรันด้ากลุ้มใจมากที่เซเบอร์ยังไม่สามารถหาตัวคุนทักเจอ แต่ดอกเตอร์คอสเสนอว่าให้ไปดักซุ่มที่หน้าเทวรูปตอนกลางคืนเพราะเจ้าชายและพวกต้องเดินทางไปที่เทวรูปตอนนั้นแน่เพราะคำทำนายโบราณนั่น ซึ่งเจ้าชายและพรรคพวกเดินทางเวลานั้นจริง ๆ
เมื่อมาถึงแล้วทหารฝั่งดาบุรันด้าออกมาขวางทาง แต่บลูซุสก็ตอบโต้ทันทีและให้ทุกคนวิ่งไปยังเทวรูปยักษ์ แต่ต่อมารถพ่นไฟของดอกเตอร์คอสออกปฏิบัติการโดยที่ตัวดอกเตอร์เองอยู่บนเรือเหาะและประกาศให้เจ้าชายตัวปลอม (คุนทัก)
และพรรคพวกยอมจำนนอย่างโดยดีเพราะป่าถูกล้อมไว้หมดแล้ว จากนั้นดอกเตอร์คอสสั่งให้เรือเหาะทิ้งระเบิด เมื่อเห็นชะตาชีวิตแล้วเปโกะจึงฝากให้จิปโปะพาโดราเอมอนและเพื่อน ๆ ไปยังทะเลสาบเพื่อกลับโลกมนุษย์ แล้วเขาจะถ่วงเวลาพวกทหารดาบุรันด้าเอง จากนั้นเขาเดินจากไป
ไจแอนท์เห็นเปโกะไปคนเดียวไม่ได้เลยตามไปด้วย แม้จะมีเถียงกันแต่
ก็เข้าใจกันและฝ่าฟันออกไป และทุกคนได้มาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้งเพราะทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อปราบศัตรู จากนั้นทั้งหกไปถึงหน้าเทวรูปที่ดาบุรันด้าและพวกดักเอาไว้ ชิซุกะนึกขึ้นมาได้เลยใช้เครื่องรับสัญญาล่วงหน้าสัญญาว่าจะกลับมาช่วยเหลือพวกเขาเอง ทำให้พวกเขาอีกกลุ่มกลับมาช่วยเหลือ
โดราเอมอนจากอนาคตนำทางทุกคนขึ้นไปยังหัวใจเทวรูปยักษ์ส่วนที่เหลือจะรับมือกับทหารเอง เมื่อทุกคนเข้าไปในเทวรูปได้แล้วเซเบอร์และทหารใต้บังคับบัญชาได้รับคำสั่งจากดาบุรันด้าให้ตามเข้าไปด้วย ระหว่างทางไจแอนท์และซึเนะโอะไปพบห้องสมบัติเข้า Doraemon The Movie (1982) แต่ไม่ใช่เป้าหมายเพราะหัวใจเทวรูปอยู่ชั้นบนสุด โนบิตะไม่สามารถตามคนอื่นได้ทันและถูกเซเบอร์ไล่ตามมาติด ๆ
เมื่อมาถึงโถงหน้าห้องหัวใจเทพเจ้าแล้วโดราเอมอนจากอนาคตเอาดาบสายฟ้าเด็งโคมารุให้โนบิตะยื้อกองทัพของเซเบอร์ เมื่อมาถึงห้องหัวใจเทพเจ้าโดราเอมอนจากอนาคตบอกให้หมุนหัวใจเหมือนไขลาน ซึ่งแม้แต่เปโกะเองยังไม่รู้เรื่องเลย ซึ่งต้องหมุนอยู่นานโขเพราะสร้างมาแล้ว 5,000 ปี
แต่ไม่เคยถูกใช้งาน ทางด้านนอกเทวรูป รถพ่นไฟมาทำให้โนบิตะและเพื่อน ๆ จากโลกอนาคตสู้ไม่ได้เลยต้องไปหลบหลังเทวรูป ทางโนบิตะและเซเบอร์ ดาบสายฟ้าของโนบิตะแบตเตอรี่หมด แต่โนบิตะสามารถทุบหัวของเซเบอร์ได้ในเวลาต่อมา หลังจากที่ขยับหัวใจเทวรูปได้แล้ว
จากนั้นเขาตามไปที่ห้องหัวใจเทวรูปเพราะทางเดินตรงนั้นกำลังจะถล่มและห้องหัวใจเทวรูปถูกยกตัวขึ้น เทวรูปยักษ์เคลื่อนไหวได้ โดยเปโกะใช้พลังจากสร้อยในการควบคุมรูปปั้นเทวรูป ซึ่งไม่สามารถทำลายได้โดยอาวุธใด ๆ แม้กระทั่งคลื่นอัลตราโซนิคที่ทำให่ล้มได้แต่ไม่พัง
และสามารถทำลายเรือเหาะของดอกเตอร์คอสลง
ดอกเตอร์คอสและพวกถูกจับหมดยกเว้นดาบุรันด้าที่หนีไปยังพระราชวังเพื่อพาเจ้าหญิงสเปียน่าไปที่อื่น แม้จะถูกประชาชนประท้วงก็ไม่สนใจและจะพยายามฆ่าเจ้าหญิง แต่สุดท้ายก็ไม่รอดเพราะเปโกะมาช่วยไว้ทัน
เช้าวันต่อมาเปโกะอภิเษกกับเจ้าหญิงสเปียน่าและสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์แห่งเบาวังโก โดยประชาชนทุกคนเข้ามาแสดงความยินดี ส่วนผลเฉลยของปริศนาคนต่างถิ่นสิบคนก็คือโดราเอมอนและเพื่อน ๆ ใช้ไทม์แมชชีนย้อนอดีตมาช่วยพวกเขาเอง ก่อนจากกันโดราเอมอนจากอนาคตมอบประตูไปที่ไหนก็ได้บานใหม่กับพวกเขาเอง จากนั้นพวกเขาต้องทำสัญญาเรื่องอาหารโดยกินอาหารชดเชยในงานเลี้ยงอาหาร
ซึ่งในงานนั้นบูลเทอรี่และเบอร์นาดมาเป็นคนล้างจาน ต่อมาชิซุกะต้องทำสัญญาอีกอย่างก็คืออาบน้ำ เปโกะเลยเตรียมไว้ให้แล้ว ซึ่งที่อาบน้ำมีนางสนม 6 คนมาอาบน้ำให้
ก่อนจะจากกันเปโกะมอบสมบัติให้โดราเอมอนและเพื่อน ๆ แต่ไจแอนท์กับซึเนะโอะไม่รับเพราะต้องการให้สมบัตินี้เป็นทุนในการฟื้นฟูอาณาจักร เมื่อกลับมาถึงญี่ปุ่น ทุกคนมีหน้าที่ต้องทำสัญญาอีกอย่าง พวกเขาจึงรวบรวมของวิเศษไปจัดการกับเหล่าร้ายและบอกความลับของเทวรูปยักษ์
One day, Nobita has stuck in the school again, his teacher not letting him
to go because he hadn’t completed his homework. While his teacher had allowed him to go, Nobita rushed to his house, fearing that his mother would scold him.
But when Nobita’s mom lost her purse, Doraemon The Movie (1982) the dog helped her in finding her purse. To repay the dog’s help, she agrees to keep the dog as a pet. After Nobita and Doraemon cleaned the dog, they named him Peko.
Earlier, Nobita and his friends talked ดูหนังออนไลน์ about wanting to go on some adventure, and asked Doraemon for that. Doraemon launched a rocket to find unexplored areas on the planet by taking satellite pictures, mainly from Africa. They have left searching for it,
knowing that it would be very difficult to handle too many pictures.
However, Peko tinkered with the device while Nobita and Doraemon are away, and found a mysterious giant statue somewhere in Africa. After consulting with Dekisugi,
he deduced that the area where the statue is was never explored because there’s always a thick fog around it, something that doesn’t effect Doraemon’s satellite pictures.
Tags : Doraemon The Movie Doraemon The Movie โดราเอมอน ตอน ตะลุยแดนมหัศจรรย์ โดราเอมอน ตอน ตะลุยแดนมหัศจรรย์